(VOVworld)-วันที่25กุมภาพันธ์ ยูเครนเริ่มดำเนินกระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะจัดขึ้นในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ด้วยการเสนอตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งหลังจากเวทีการเมืองเกิดความผันผวนครั้งใหญ่ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ถูกมองว่าจะเป็นก้าวเดินที่สำคัญเพื่อช่วยให้ประเทศนี้กลับสู่ภาวะมีเสถียรภาพ ลดบรรยากาศที่ตึงเครียดและกระเถิบเข้าไกล้กับอียูมากขึ้น แต่จากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ สังคมแตกแยก ประชามติก็มีความวิตกว่าเป้าหมายที่วางไว้สำหรับยูเครนยากที่จะบรรลุ
การชุมนุมที่เมืองท่า เซวาสโตพอล(AFP/VNA)
|
รักษาการประธานาธิบดียูเครน อาเลกซานดรี เตอร์จีนอฟ ได้ให้คำมั่นว่าหน้าที่อันดับแรกของรัฐบาลชุดใหม่คือยุติการปะทะและฟื้นฟูความเป็นระเบียบเรียบร้อยของประเทศ ค้ำประกันสันติภาพและความสงบ ไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาความขัดแย้งเฉพาะกลุ่มและปฏิบัติการแก้แค้นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ตลอดจนการปรับปรุงสภาพเศรษฐกิจและกระบวนการผสมผสานกับยุโรป
ความเสี่ยงจากภาวะสังคมไร้เสถียรภาพยังปรากฎอยู่
หลังจากที่เกิดเหตุผันผวนทางการเมืองครั้งใหญ่ ได้มีชาวยูเครนหลายพันคนเดินขบวนประท้วง ณ เมืองท่า เซวาสโตพอล ท่ามกลางบรรยากาศที่ล่อแหลมของการที่ประเทศนี้อาจจะถูกแบ่งแยก โดยผู้ชุมนุมได้ตะโกนว่าพวกฟาสซิสต์ได้ยึดอำนาจในกรุงเคียฟ ส่วนประเทศต่างๆเช่น สหรัฐ เยอรมนี ฝรั่งเศสและโปแลนด์ก็ได้แสดงความกังวลว่าเมืองท่าเซวาสโตพอลอาจจะกลายเป็นจุดร้อนของขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนมอสโคว์โดยออกมาเรียกร้องให้ยูเครนพยายามธำรงบูรณภาพแห่งดินแดน ในขณะเดียวกันบรรดานักวิเคราะห์ยังมีความวิตกว่าความไร้เสถียรภาพในยูเครนยังไม่หยุดอยู่แค่นี้เพราะความแตกแยกในสังคมได้เกิดขึ้นนานมาแล้วกว่า20ปีที่ผ่านมาโดยแบ่งเป็นสองแนวทางคือภาคตะวันออกนิยมรัสเซียและภาคตะวันตกนิยมฝ่ายตะวันตก
ด้วยเหตุนี้แม้การเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นตามกำหนดแต่จะไม่มีฝ่ายใดที่สามารถได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากประชาชนซึ่งหมายความว่าไม่ว่าจะเป็นคนของฝ่ายใดขึ้นกุมอำนาจ สถานการณ์ยูเครนอาจจะกลับสู่ภาวะสงบได้ไม่นานและแน่นอนว่าจะเป็นช่วงที่ไม่มีแนวทางการต่างประเทศที่ชัดเจน นอกจากนั้นการที่ยูเครนเคยผ่านช่วงการปฏิวัติสีส้มที่สร้างนิมิตหมายแห่งประชาธิปไตยตะวันตกแต่ก็ไม่สามารถนำมาซึ่งความก้าวหน้าดั่งความปรารถนาของประชาชนโดยผลที่ได้มาก็คือความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ความแตกแยกภายในประเทศ เศรษฐกิจถดถอยและความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านที่แตกร้าว เป็นต้น
เศรษฐกิจยูเครน: อุปสรรคนานัปการ
ทางด้านเศรษฐกิจนั้น ในเฉพาะหน้ายูเครนกำลังต้องเผชิญกับภาวะผิดนัดชำระหนี้ โดยหนี้สาธารณะปี2013ของประเทศนี้ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ13เมื่อเทียบกับปี2012คืออยู่ที่73.1พันล้านเหรียญสหรัฐคิดเป็นร้อยละ30ของจีดีพี ตามแผนการจนถึงสิ้นไตรมาสที่2ของปีนี้ ทางการเคียฟจะต้องชำระหนี้3พันล้านเหรียญสหรัฐของกองทุนการเงินระหว่างประเทศไอเอ็มเอฟ แต่ปัจจุบันในภาวะที่ยูเครนขาดดุลงบประมาณกว่าร้อยละ8นั้น การที่จะสามารถชำระหนี้ได้เองโดยไม่มีความช่วยเหลือจากภายนอกนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ ในขณะเดียวกันการโค่นล้มประธานาธิบดียานูโกวิชก็ทำให้วงเงินช่วยเหลือ1หมื่น5พันล้านเหรียญสหรัฐของรัสเซียกลายเป็นหมัน
ประธานาธิบดียานูโกวิช(AFP)
เจ้าหน้าที่ยูเครนได้ประกาศเมื่อวันที่24กุมภาพันธ์ว่า ต้องการเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจำนวน3หมื่น5พันล้านเหรียญสหรัฐจากต่างประเทศเเละเสนอให้ประเทศตะวันตกจัดการประชุมนานาชาติเพื่อพิจารณาแผนการช่วยเหลือด้านการเงินต่อยูเครนในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้าและความยากลำบากยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อนายกฯรัสเซียแมดเวแดฟได้ประกาศเมื่อวันที่24ที่ผ่านมาว่า การขยายกำหนดการของข้อตกลงว่าด้วยการซื้อขายก๊าซระหว่างรัสเซีย-ยูเครนจำเป็นต้องผ่านการเจรจาระหว่างบริษัทก๊าซและรัฐบาลยูเครนและรัสเซียจะไม่หารือธุรกิจไม่ว่ากับบุคคลใดเพราะนี่เป็นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นอันว่าคำประกาศนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อยูเครนเพราะนายแมดเวเเดฟเคยแสดงความสงสัยต่อความชอบด้วยกฎหมายของทางการยูเครนและการที่หลายประเทศยอมรับทางการยูเครนนั้นถือเป็นความผิดพลาด ส่วนรัฐมนตรีเศรษฐกิจรัสเซียได้เตือนว่ารัสเซียจะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าต่อสินค้าของยูเครนถ้าหากทางการประเทศนี้ลงนามสัญญาความเป็นหุ้นส่วนกับสหภาพยุโรป โดยปัจจุบันรัสเซียเป็นตลาดนำเข้าสินค้าสำคัญของยูเครน
ส่วนทางฝ่ายยูเครนนั้นก็กำลังเป็นห่วงว่ารัสเซียจะเพิ่มราคาก๊าซให้สูงกว่า268.5ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1000ลูกบาศก์เมตรซึ่งเป็นราคาที่ทำสัญญากับทางการของประธานาธิบดียานูโกวิช โดยเป็นราคาที่มีส่วนลด1/3จากราคา400ดอลลาร์สหรัฐที่ทางการเคียฟต้องจ่ายตั้งแต่ปี2009 ในขณะเดียวกันความหวังในการที่จะลงนามข้อตกลงร่วมมือกับอียูนั้นก็ต้องรอหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่25พฤษภาคมนี้
ในสภาวการณ์ดังกล่าวประเทศตะวันตกหลายประเทศได้ประกาศพร้อมที่จะช่วยเหลือยูเครนแต่ประเทศนี้ต้องการความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรมมากกว่าคำสัญญาเพราะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ายูเครนกำลังต้องเผชิญกับอุปสรรคในทุกด้านทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคม และการที่จะแก้ไขความท้าทายต่างๆเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายไม่ว่าสำหรับฝ่ายใดที่จะขึ้นกุมอำนาจบริหารประเทศยูเครนต่อไป./.