ตามแผนการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของรัฐบาลเวียดนาม จนถึงปี 2100 อุณหภูมิเฉลี่ยทุกปีจะเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับอุณหภูมิในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 จนถึงปี 2100 คลื่นความร้อนจะเพิ่มขึ้น 2 เท่า ปริมาณน้ำฝนและน้ำท่วมจะเพิ่มขึ้นทุกๆปี

เวียดนามอยู่อันดับที่ 13 จากจำนวนทั้งหมด 170 ประเทศที่จะได้รับผลกระทบโดยง่ายจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในอีก 30 ปีข้างหน้า และเป็นหนึ่งใน 16 ประเทศที่อาจได้รับผลกระทบหนักที่สุดในโลก เนื่องจากมีอัตราคนจนและประชากรอยู่ในระดับสูง ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจะส่งผลกระทบต่อที่ดินการเกษตรทั้งปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงเป็นหนึ่งในสามศูนย์กลางที่ “มีความเสี่ยงสูง” ที่ประชากรจะต้องสูญเสียที่อยู่อาศัยเนื่องจากปัญหาน้ำทะเลขึ้น โดยคาดว่า จนถึงปี 2050 ภูมิภาคนี้จะมีประชากรเกือบ 1 ล้านคนสูญเสียที่อยู่อาศัย

เช่นเดียวกับประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ เด็กเวียดนามก็อยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่นับวันรุนแรงมากขึ้น ถึงแม้ว่าเด็กจะเป็นกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศก็ตาม ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เด็กต้องเผชิญมีความหลากหลายมาก ตั้งแต่ผลกระทบโดยตรงต่อร่างกาย ถึงผลกระทบเกี่ยวกับการศึกษา ความเครียดและปัญหาด้านโภชนาการ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอาจจะส่งผลกระทบต่อสิทธิของเด็กในหลายมิติ ทั้งสุขภาพ ชีวิต การเข้าถึงการศึกษา สาธารณสุขและเศรษฐกิจของครอบครัว

การจัดทำนโยบายเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโดยถือเด็กเป็นศูนย์กลางคือคำยืนยันของนาย ห่ากิมหงอก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและหัวหน้าคณะตัวแทนเวียดนามในการหารือระดับสูงเกี่ยวกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อสิทธิของเด็กเมื่อวันที่ 2 มีนาคมปี 2017 ณ สภาสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ นาย ห่ากิมหงอก ย้ำว่า เนื้อหา 3 ประเด็นที่เวียดนามให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆในการปกป้องสิทธิของเด็กต่อปัญหานี้คือการจัดทำนโยบายเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโดยถือเด็กเป็นศูนย์กลาง ยกระดับจิตสำนึกเกี่ยวกับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวและผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศและภูมิภาคในการรับมือกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อเด็ก

ในทางเป็นจริง เวียดนามได้สอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับสิทธิของเด็กในนโยบายแห่งชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อสิทธิของเด็กในกระบวนการปฏิบัติข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและระเบียบวาระการประชุม 2030 เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เวียดนามยังพยายามร่วมมือกับกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือ UNICEF และหุ้นส่วนต่างๆในการสร้างยุทธศาสตร์ลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติโดยถือเด็กเป็นศูนย์กลาง เวียดนามยังผลักดันการประชาสัมพันธ์เพื่อยกระดับจิตสำนึกของเด็กเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็ก หนึ่งในจุดเด่นของปัญหานี้คือเวียดนามได้พยายามรณรงค์ให้โรงเรียน ครอบครัวและสังคมเพิ่มความรู้ให้แก่เด็กเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและทักษะที่จำเป็นเพื่อลดความเสียงจากภัยธรรมชาติ

การลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อเด็กคือการสานต่อข้อคิดริเริ่มที่เวียดนามเสนอในการประชุมสภาสิทธิมนุษยชนในขณะที่เป็นสมาชิกวาระปี 2014-2016 และนี่ยังเป็นเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆของเวียดนามในปัจจุบัน โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่เวียดนามกำลังต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ.