 นาย ฟานวันหมาย ประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ |
ในปี 2024 เวียดนามตั้งเป้าไว้ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ร้อยละ 6 - 6.5 ซึ่งเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ ท้องถิ่นต่างๆต้องส่งเสริมการเบิกจ่ายเงินลงทุนภาครัฐ แก้ไขอุปสรรคให้แก่การผลิตและการประกอบธุรกิจ เพิ่มความสามารถในการพึ่งตนเองและความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่น
ส่งเสริมความได้เปรียบของท้องถิ่น
นครโฮจิมินห์เป็นหนึ่งใน 2 ท้องถิ่นที่มีบทบาทที่สำคัญพิเศษในการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ตลอดจนการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนาม ในปี 2024 ทางนครฯ ได้ตั้งเป้าไว้ว่า การเติบโตจะอยู่ที่ร้อยละ 7.5 – 8 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ ทางนครฯได้กำหนดแผนการเติบโตในแต่ละไตรมาสและได้นำมาปฏิบัติตั้งแต่ต้นปี นาย ฟานวันหมาย ประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ เผยว่า
“เราเน้นส่งเสริมพลังขับเคลื่อนการเติบโตในด้านการลงทุน การบริโภคและการส่งออก ตลอดจนการแสวงหาพลังขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ แนวโน้มการพัฒนาใหม่และรูปแบบการประกอบธุรกิจใหม่เพื่อดึงดูดแหล่งพลังการลงทุนในสังคม ขยายตลาดและเพิ่มความหลากหลายทางการค้า นอกจากนี้ เรายังจะเสริมสร้างพลังขับเคลื่อนการเติบโตที่กำลังมีอยู่ต่อไป อีกทั้ง พัฒนาพลังขับเคลื่อนใหม่ ๆ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นวัตกรรมและการลงทุนเชิงยุทธ์ศาสตร์”
สำหรับจังหวัดบั๊กยาง ปี 2024 เป็นปีแห่งการเร่งสร้างก้าวกระโดดในการพัฒนาจากพื้นฐานของผลงานในทุกด้านในปี 2023 เพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพและข้อได้เปรียบของท้องถิ่นอย่างเต็มที่ จังหวัดบั๊กยางได้เสนอกลุ่มหน้าที่และมาตรการ 12 กลุ่ม รวมทั้งการปฏิบัติ 3 กลุ่มมาตรการสำคัญๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรม และการปรับปรุงกลไกให้มีความสมบูรณ์ นาย ไมเซิน รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดบั๊กยาง เผยว่า
“เรากำลังเน้นเสนอให้รัฐบาลมีนโยบายจัดตั้งเขตนิคมอุตสาหกรรมใหม่เพื่อสนับสนุนการดึงดูดการลงทุน เร่งส่งเสริมให้นักลงทุนก่อสร้างกลุ่มเขตนิคมอุตสาหกรรมที่มีพื้นที่ก่อสร้างแล้วเพื่อดึงดูดการลงทุน นอกจากนี้ เรายังเน้นยกระดับคุณภาพของแหล่งบุคลากร โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เรามุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในศูนย์ฝึกอบรมแหล่งบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในอนาคต”
เดินหน้าต้อนรับแนวโน้มใหม่
นอกจากการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีอยู่แล้ว นครโฮจิมินห์ก็กำลังมุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน เร่งจัดทำกระบวนการพัฒนาใหม่และการเติบโตสีเขียวเพื่อมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน ปัจจุบัน ทางนครฯได้เสร็จสิ้นการจัดทำกรอบยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสีเขียวเพื่อเปลี่ยนไปสู่เศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนภายในปี 2030 อีกทั้ง ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจ เชื่อมโยงกับท้องถิ่นต่างๆและโลก ทางนครฯยังได้จัดทำแผนการ 56 ข้อและโครงการ 30 โครงการเพื่อปฏิบัติเป้าหมายเหล่านี้ และมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นาย ฟานวันหมาย ประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ เผยว่า
“เราจะเน้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการคมนาคมขนส่ง ซึ่งหมายความว่า ส่งเสริมการใช้ระบบการขนส่งสาธารณะ และการเปลี่ยนแปลงวิธีการขนส่งเพื่อลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เราจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการผลิต โดยหันไปใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มุ่งสู่การใช้เศรษฐกิจหมุนเวียน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การก่อสร้างสีเขียว การท่องเที่ยวสีเขียวและการบริโภคสีเขียว และทางนครฯจะเน้นหันไปใช้พลังงานสะอาดและส่งเสริมการประหยัดพลังงาน”
 การประชุมทั่วประเทศสรุปผลการปฏิบัติงานในปี 2023 และการปฏิบัติแผนการในปี 2024 ของรัฐบาลและทางการปกครองท้องถิ่นที่มีขึ้นเมื่อต้นเดือนมกราคมปี 2024 (baochinhphu.vn) |
ส่วนที่นครไฮฟอง บรรดาผู้บริหารของนครฯได้กำหนดว่า ปี 2024 นี้เป็นปีที่นครฯ มีโอกาสในการเป็นผู้นำในการดึงดูดเงินลงทุนและการรับเทคโนโลยีจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ดังนั้น ทางนครฯจึงได้กำหนดเป้าหมายและหน้าที่อย่างชัดเจนเพื่อสร้างก้าวกระโดดในปีนี้ นาย เลเตี๊ยนโจว์ เลขาธิการพรรคสาขานครไฮฟอง เผยว่า
“ทางนครฯเน้นให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อหน้าที่เร่งด่วนและสำคัญที่ต้องปฏิบัติให้เสร็จเรียบร้อยก่อนหมดวาระ นั่นคือการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจแห่งที่ 2 และเขตการค้าเสรีทางตอนใต้ของนครฯ เพื่อส่งเสริมความได้เปรียบในการพัฒนา ที่ดินและถนนเลียบชายฝั่ง เรามุ่งมั่นให้ไฮฟองกลายเป็นท้องถิ่นแถวหน้าของประเทศด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่น 3 ด้าน คือ ตำแหน่งที่ตั้ง-คุณภาพ-ราคา”
ในการประชุมทั่วประเทศสรุปผลการปฏิบัติงานในปี 2023 และการปฏิบัติแผนการในปี 2024 ระหว่างรัฐบาลกับทางการปกครองท้องถิ่นที่มีขึ้นเมื่อต้นเดือนมกราคมปี 2024 ผ่านระบบออนไลน์ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำว่า ภารกิจที่วางไว้ในปี 2024 ถือว่ามีความหนักหนามาก แต่ก็มีความหมายที่สำคัญเป็นอย่างมากต่อการปฏิบัติเป้าหมายและหน้าที่ที่วางไว้ตามมติของที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯ สมัยที่ 13 รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีพร้อมสนับสนุนและเดินพร้อมกับกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆเพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ประสบความสำเร็จ การเดินพร้อมและการชี้นำอย่างใกล้ชิดของรัฐบาลบวกกับการเป็นฝ่ายรุกของท้องถิ่นต่างๆ เป็นปัจจัยชี้ขาดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อมีส่วนร่วมบรรลุเป้าหมายการพัฒนาของประเทศในเวลาที่จะถึง.