(VOVworld)- วันนี้นายกฯรัสเซีย ดีมีตรี แมดเวเดฟ ได้เริ่มการเยือนจีนอย่างเป็นทางการเป็นเวลา3วันตามคำเชิญของนายกฯจีนหลีเค่อเฉียง ซึ่งการเยือนนี้ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นเป้าหมายกระชับความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองฝ่ายเท่านั้นหากยังสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงด้านภูมิศาสตร์การเมืองของภูมิภาคในเวลาที่ผ่านมาและแฝงไว้ซึ่งเป้าหมายทางผลประโยชน์ยุทธศาสตร์ของแต่ละฝ่าย
|
การเยือนจีนครั้งนี้ของนายกฯรัสเซียจะช่วยสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ-การป้องกันประเทศ(AFP)
|
ตามข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย นี่เป็นการพบปะประจำครั้งที่18ระหว่างนายกฯทั้งสองประเทศ ณ กรุงปักกิ่ง และหัวข้อสำคัญของการพบปะหารือคือปัญหาการค้าทวิภาคี ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การศึกษา การผลิตเกษตร โดยเฉพาะโครงการร่วมมือในพลังงานและการป้องกันประเทศ
พยายามปรับความสัมพันธ์ทวิภาคี
ความสัมพันธ์ระหว่างมอสโคว์และปักกิ่งในช่วงใกล้ๆนี้ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องผ่านการไปมาเยี่ยมเยือนซึ่งกันและกันและการพบปะหารือทวิภาคีระดับสูง ยกตัวอย่างเช่นหลังจากได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียอีกสมัย นายวลาดีเมียปูตินได้เดินทางไปเยือนจีนเป็นประเทศแรกในขณะที่นายสีจิ้นผิงกก็เลือกรัสเซียเป็นจุดหมายของการเยือนต่างประเทศครั้งแรกในฐานะเป็นประธานประเทศจีน ซึ่งก่อนการพบปะนอกรอบการประชุมสุดยอดเอเปกที่มีขึ้น ณ บาหลี ประเทศอินโดนีเซียเมื่อเดือนที่แล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างใช้ถ้อยคำที่งดงามเพื่อชื่นชมความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยประธานาธิบดีปูตินได้ชื่นชมว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและจีนกำลังอยู่ในช่วงที่ดีที่สุด ส่วนผู้นำจีนได้ย้ำถึงความตั้งใจในการมุ่งสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังถือปี2013เป็นปีท่องเที่ยวจีนและปี2014-2015จะเน้นการสังสรรค์ระดับเยาวชน
ในด้านเศรษฐกิจทั้งสองฝ่ายต่างยืนยันว่า การผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้ารัสเซีย-จีนคือแนวทางที่ต้องให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ โดยตามข้อมูลที่ระบุ มูลค่าการค้ารัสเซีย-จีนปี2012บรรลุเกือบ88พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งต่ำกว่ารายได้ของแต่ละประเทศกับหุ้นส่วนการค้าใหญ่คือสหภาพยุโรปเพียงเล็กน้อย ส่วนในด้านการลงทุนทางการค้า กิจกรรมการขุดเจาะปีโตรเลี่ยมระหว่างจีนกับรัสเซียก็มีความก้าวหน้าใหม่โดยเฉพาะข้อตกลงฉบับล่าสุดว่าด้วยการเพิ่มปริมาณการสนองปีโตรเลี่ยมเป็นสองเท่ามูลค่า260พันล้านเหรียญสหรัฐระหว่างบริษัทปีโตรเลี่ยมรอสเนฟต์ของรัสเซียและกลุ่มพลังงานแห่งชาติจีนซีเอ็นพีซีที่ได้ลงนามในโอกาสการเยือนรัสเซียของประธานประเทศจีนสีจิ้นผิง
ในด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จีนและรัสเซียได้ลงนามสัญญาซื้อขายอาวุธยุทธศาสตร์โดยรัสเซียจะขายเครื่องบินรบSu-35S จำนวน24ลำและเรือดำน้ำLadaจำนวน4ลำให้แก่จีนและเมื่อไม่นานนี้ทั้งสองฝ่ายได้จัดการซ้อมรบร่วมครั้งประวัติศาสตร์ทั้งทางบกและทางทะเล
ขณะนี้การกระเถิบเข้าใกล้กันสำคัญกว่าความขัดแย้ง
ทั้งนี้ตามความเห็นของผู้สังเกตุการณ์ ถ้ามองกันลึกลงไปข้างในถึงแก่นแท้ของปัญหา ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและจีนยังอยู่ในลักษณ์ที่พอใจแต่ภายนอกเท่านั้น โดยความระมัดระวังยังคงเป็นท่าทีที่ทั้งสองฝ่ายได้เน้นในความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งจะเห็นได้จากความวิตกของรัสเซียที่กลัวว่าจีนจะสามารถเรียนรู้เทคนิกในการใช้เทคโนโลยีเพื่อผลิตอาวุธเองและกลายเป็นคู่แข่งด้านการค้าอาวุธในตลาดโลกแม้รัสเซียจะเป็นฝ่ายขายอาวุธที่ทันสมัยให้แก่จีนโดยเฉพาะเมื่อจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าอาวุธรายใหญ่อันดับ2ของโลกได้ถูกระบุในกลุ่ม5ประเทศที่ส่งออกอาวุธมากที่สุดของโลกปี2012 แม้ส่วนแบ่งในตลาดของจีนมีเพียงร้อยละ5เท่านั้นในขณะที่ส่วนแบ่งของรัสเซียอยู่ที่ร้อยละ26 ฉะนั้นในสัญญาซื้อขายอาวุธดังกล่าวที่ลงนามเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาฝ่ายรัสเซียได้ระบุชัดว่าจะส่งอาวุธชนิดสมบูรณ์แบบโดยไม่อนุญาตให้นำชิ้นส่วนไปประกอบเองในจีน
นอกจากนั้นถึงแม้จะมีจุดยืนที่ตรงกันในบางปัญหาที่ร้อนระอุของโลกแต่ต่อการพัฒนาที่เข้มแข็งและรวดเร็วของจีนในปัจจุบัน รัสเซียทั้งที่จะต้องพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่มีมาช้านานในขณะเดียวกันก็ต้องเตรียมแผนรับมือกับความทะเยอทะยานของจีนในการขยายอำนาจเพื่อกลายเป็นประเทศมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดของโลก อีกปัจจัยที่ไม่อาจมองข้ามคือความขัดแย้งด้านอธิปไตยเหนือหมู่เกาะเซนกากุหรือเตี้ยวหยู
บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่า สาเหตุที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายหันมาให้ความสนใจต่อการปรับความสัมพันธ์ให้กระเถิบเข้าใกล้กันมากขึ้นคือความเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิศาสตร์การเมืองโดยเฉพาะยุทธศาสตร์ในการมุ่งความสนใจไปยังเอเชียแปซิฟิกของสหรัฐ และการเยือนจีนครั้งนี้ของนายกฯรัสเซียจะช่วยสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ-การป้องกันประเทศระหว่างทั้งสามชาติ./.
Ánh Huyền/VOV5