ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ พบปะกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ณ ทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025 (Getty Images) |
ผลการสำรวจความคิดเห็นประชามติซึ่งได้รับการเผยแพร่โดยสำนักงานสื่อสารมวลชนรายใหญ่หลายแห่งในสหรัฐได้แสดงให้เห็นว่า คะแนนนิยมในตัวนาย โดนัลด์ ทรัมป์ มีความผันผวนเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่านาย โดนัลด์ ทรัมป์ จะต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่
ความท้าทายภายในประเทศ
ผลการสำรวจที่จัดทำโดย NBC News Stay Tuned Poll ซึ่งได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 27 เมษายนก่อนที่จะครบรอบ 100 วันที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งปรากฎว่า ชาวอเมริกันร้อยละ 55 ไม่เห็นด้วยกับการทำงานของเขาในฐานะประธานาธิบดี ในขณะที่ร้อยละ 45 เห็นด้วย ซึ่งเมื่อ 1 เดือนก่อน ตัวเลขนี้อยู่ที่ร้อยละ 51 แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 60 ยังคงแสดงความเห็นว่า สหรัฐกำลังเดินถูกทิศทาง ส่วนผลการสำรวจซึ่งจัดทำโดยสำนักงานสื่อสารมวลชนชื่อดังอื่นๆ เช่น CNN, New York Times, Washington Post และ ABC News ปรากฎว่า อัตราผู้สนับสนุนนาย โดนัลด์ ทรัปม์ ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเริ่มรับตำแหน่งสมัยที่ 2
ข้อมูลจากการสำรวจเหล่านี้กำลังสร้างความคิดเห็นที่แตกต่างกันในประชามติสหรัฐ โดยผู้สนับสนุนรวมถึงตัวนาย โดนัลด์ ทรัมป์ เองเห็นว่า การสำรวจหลายครั้งใช้วิธีการและอ้างอิงข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยืนยันว่า ผลการสำรวจนี้ได้รวบรวมความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาและมีภาวะวิสัย ตามความเห็นของบรรดาผู้สังเกตการณ์ สถานการณ์ปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงเส้นทางที่ยากลำบากต่อทางการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และหลายนโยบายยังขาดความชัดเจน นาง Carolyn Kissane ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ปัญหาระดับโลกของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ได้แสดงความเห็นว่าช่วงเวลา 100 วันแรกที่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิบัติหน้าที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเก่า ๆ มากมาย
ปัญหาภายในประเทศที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องเผชิญในขณะนี้มีมากมาย อาทิ การที่กระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาลหรือ DOGE ปลดพนักงานหลายแสนคน การปรับลดงบประมาณ การปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่ง ปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากสงครามภาษีที่ทางการสหรัฐเป็นผู้เริ่ม แต่อย่างไรก็ตาม การแก้ไขหลาย ๆ ปัญหาก็ได้รับคำชื่นชม โดยเฉพาะ ปัญหาผู้อพยพ การป้องกันและต่อต้านอาชญากรรม บรรดาผู้สังเกตการณ์ประเมินว่า ทางการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้บรรลุผลงานในเชิงบวกในระยะสั้น นาง แดเนียล เพลทกา นักวิจัยจากสถาบันสถานประกอบการสหรัฐแสดงความเห็นว่า
“นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประสบความสำเร็จในการลดจำนวนผู้อพยพผิดกฎหมายเข้าสหรัฐในช่วงวันแรก ๆ ของการบริหารประเทศ ซึ่งจำนวนผู้อพยพผิดกฎหมายลดลงจากหมื่นคนเหลือเพียงไม่กี่สิบคนต่อวัน นี่คือสิ่งที่สำคัญเนื่องจากได้แสดงให้เห็นว่า ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ ถ้าหากมีความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีและนั่นคือสิ่งที่นายโจ ไบเดน ทำไม่ได้”
ท่าเรือขนส่งสินค้าในเมืองเบย์อนน์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐ (THX) |
ความยากลำบากในด้านการต่างประเทศ
ในด้านการต่างประเทศ ในช่วงดำรงตำแหน่ง 100 วันแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญที่ต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของสหรัฐ ตั้งแต่วิธีการเข้าถึงในการแก้ไขการปะทะรัสเซีย-ยูเครน การปะทะในฉนวนกาซา ปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน ความสัมพันธ์กับพันธมิตรต่างๆของสหรัฐในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือ NATO การประกาศต้องการผนวกแคนาดาและกรีนแลนด์ ไปจนถึงการที่สหรัฐประกาศใช้นโยบายภาษีใหม่ต่อหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนโยบายส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับอุปสรรคมากมาย สำหรับการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครน คำมั่นของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะแก้ไขการปะทะนี้ “ภายในเวลา 24 ชั่วโมง” แล้วเปลี่ยนมาเป็น “ภายในเวลา 100 วัน” ถือเป็นความล้มเหลว แม้สหรัฐจะพยายามเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงสำคัญใดๆได้ ยกเว้นการหยุดยิงชั่วคราวเพียงไม่กี่ครั้ง ในขณะเดียวกัน การที่สหรัฐกำหนดเส้นตาย 90 วันในการเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่กับหุ้นส่วนต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหาภาษีแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากของสหรัฐในการกำหนดกฎการค้าใหม่
แต่อย่างไรก็ตาม คำถามในปัจจุบันคือ อุปสรรค์ด้านนโยบายการต่างประเทศเหล่านี้จะทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญๆ ในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่ นาง เอ็มมา แอชฟอร์ด ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ Stimson ประเทศสหรัฐแสดงความเห็นว่า ทัศนะเกี่ยวกับนโยบายการต่างประเทศของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วง 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่งในสมัยที่ 2 ไม่แตกต่างจากสมัยแรกในช่วงปี 2016-2020 มากนัก โดยต้องการใช้อำนาจเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านการต่างประเทศภายใต้คำขวัญ “อเมริกาต้องมาก่อน” ดังนั้น ความท้าทายใน 100 วันแรกยากที่จะทำให้นาย โดนัลด์ ทรัมป์ เปลี่ยนนโยบายในประเด็นสำคัญๆ นาย Matthew Dallek ศาสตราจารย์ด้านการเมืองของมหาวิทยาลัย George ประเทศสหรัฐได้ให้ข้อสังเกตว่า
“ในด้านการเมือง ผมคิดว่า นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ควรมีความระมัดระวังมากกว่านี้ ในสมัยแรก เขามักจะเปลี่ยนท่าทีเมื่อเผชิญแรงกดดันทางการเมือง ซึ่งเรายังเห็นสิ่งนี้เมื่อเขาประกาศเลื่อนการเก็บภาษีออกไป 90 วัน แต่ผมคิดว่า ทางการของนาย ทรัมป์ ชุดปัจจุบันมีความแข็งกร้าวมากขึ้นในการดำเนินนโยบายที่พวกเขาต้องการปฏิบัติ”
บรรดาผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่แสดงความเห็นว่า เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ในนโยบายต่างประเทศที่ทางการสหรัฐกำลังปฏิบัติอาจมีการปรับเปลี่ยน แต่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ซึ่งจะยังคงส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเวลาที่จะถึง.