(VOVworld) – ตามคำเชิญของท่านเจืองเติ๊นซางประธานประเทศเวียดนาม ท่านอาเดร์ ยาโนสประธานาธิบดีฮังการี ภริยาและคณะผู้แทนระดับสูงฮังการีได้เดินทางมาเยือนเวียดนามในระหว่างวันที่๒๗ถึงวันที่๒๘เดือนนี้เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพที่มีมาช้านานและแลกเปลี่ยนมาตรการต่างๆเพื่อขยายความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศในเวลาข้างหน้า

ท่านอาเดร์ ยาโนสประธานาธิบดีฮังการี (Photo: Baomoi.com )

ฮังการีตั้งอยู่กลางทวีปยุโรป  มีจีดีพี๑แสน๙หมื่น๗พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรอยู่ที่เกือบ๒หมื่นเหรียญสหรัฐ ในช่วงปี๖๐ ฮังการีได้พยายามพัฒนาเศรษฐกิจเสรีและเมื่อปี๑๙๙๐ ฮังการีได้เปลี่ยนมาใช้ระบบเศรษฐกิจเชิงตลาด และเมื่อปี๑๙๙๗ เศรษฐกิจก็ได้พัฒนาอย่างมีเสถียรภาพ จีดีพีมีการขยายตัวตั้งแต่ร้อยละ๔ถึงร้อยละ๕ต่อปี ในด้านต่างประเทศ ปัจจุบัน ฮังการีให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการผสมผสานเข้ากับสหภาพยุโรปหรืออียู เสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาค ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อนโยบายการทูตด้านพลังงาน รื้อฟื้นและผลักดันความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนเดิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งเวียดนามซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ฮังการีให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮังการีให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะ เศรษฐกิจที่เพิ่งโดดเด่นและถือการขยายความร่วมมือกับเวียดนามมีบทบาทสำคัญในการปฏิบัติยุทธศาสตร์มุ่งสู่ตะวันออกของตน

สัมพันธไมตรีและความร่วมมือในกว่า๖ทศวรรษที่ผ่านมา

เวียดนามและฮังการีมีสัมพันธไมตรีและความร่วมมือในหลายด้านมาเกือบ๖๕ปี ฮังการีได้สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือเวียดนามในภารกิจการสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิ ในขบวนการ“เวียดนาม พวกเราอยู่เคียงข้างพวกคุณ” ฮังการีได้จัดการบริจาคโลหิตและสิ่งของเพื่อให้ความช่วยเหลือเวียดนาม ฮังการียังเป็นสมาชิกในคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับเวียดนาม ฝึกอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์เวียดนามเกือบ๓พัน๕ร้อยคนและยกหนี้ก่อนปี๑๙๗๓ให้แก่เวียดนาม หลังจากที่ฮังการีเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองในช่วงต้นทศวรรษ๑๙๙๐ ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศได้รับผลกระทบแต่นับตั้งแต่ปี๑๙๙๒ สัมพันธไมตรีและความร่วมมือที่มีมาช้านานได้รับการรื้อฟื้นอีกครั้ง

ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ามีการพัฒนาที่ดีโดยเมื่อปี๒๐๑๓ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนอยู่ที่๑๔๘ล้านเหรียญสหรัฐและจนถึงเดือนสิงหาคมปี๒๐๑๔ อยู่ที่๑๑๓.๕ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าที่เวียดนามส่งออกไปยังฮังการีส่วนใหญ่คือ อุปกรณ์ไฟฟ้า อิเล็กทรนิกส์ เครื่องเฟอนิเจอร์ อะไหล่เครื่องสูบน้ำ คอมเพรสเซอร์ พัดลม และสัตว์น้ำและนำเข้าเภสัชภัณฑ์ เครื่องจักร อะไหล่ชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์และอาหารสัตว์ ปัจจุบัน ฮังการีมีโครงการเอฟดีไอในเวียดนาม๑๒โครงการรวมยอดเงินทุนจุดทะเบียน๔๗.๓ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งโดดเด่นที่สุดคือโครงการของบริษัทเอเชียแกรสต์เวียดนามจำกัดที่ลงทุนเมื่อปี๒๐๐๘ มูลค่า๔๐ล้านเหรียญสหรัฐโดยผลิตหนังดิบ และผลิตภัณฑ์จากหนังสัตว์ โครงการของบริษัทพัฒนาไวต์ โสตนจำกัดที่ลงทุนเมื่อปี๒๐๐๙ มูลค่า๒ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งประกอบธุรกิจในด้านอสังหาริมทรัพย์ โครงการของบริษัทอามดอกส์เวียดนามจำกัดที่ลงทุนเมื่อปี๒๐๐๙ มูลค่า๒ล้านเหรียญสหรัฐในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

เกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ฮังการีถือเวียดนามเป็นหุ้นส่วนที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในนโยบายช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการหรือโอดีเอ โดยเมื่อปี๒๐๐๔ ได้มีการปฏิบัติโครงการโอดีเอด้านการเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืดและมีคณะผู้แทนเวียดนามเดินทางไปยังฮังการีเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เมื่อปี๒๐๐๕ ฮังการีให้ความช่วยเหลือในรูปให้เปล่าแก่เวียดนามเป็นจำนวนเงิน๖แสนเหรียญสหรัฐและในปี๒๐๐๖ก็ให้ความช่วยเหลืออีก๑แสน๑หมื่นเหรียญสหรัฐผ่านโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากหนังจระเข้เพื่อส่งออก แหล่งเงินโอดีเอที่ฮังการีสงวนให้แก่เวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือด้านวัฒนธรรมเมื่อเดือนมีนาคมปี๒๐๑๓ ซึ่งสร้างพื้นฐานเพื่อขยายความร่วมมือในด้านนี้ การศึกษาและฝึกอบรมเป็นด้านที่ทั้งสองประเทศมีความร่วมมือมาช้านานโดยฝ่ายฮังการีช่วยฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่เทคนิค และจัดสรรทุนการศึกษาให้แก่เวียดนาม นอกจากนี้ ฮังการียังชื่นชมและอำนวยความสะดวกให้ชมรมชาวเวียดนามปรับตัวเข้ากับฮังการี เป็นสะพานเชื่อมในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ปัจจุบัน มีชาวเวียดนามกว่า๔พันคนที่กำลังอาศัยในฮังการี

การเยือนเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนผลักดันความสัมพันธ์เวียดนาม ฮังการี

ผ่านความท้าทายของกาลเวลา สัมพันธไมตรีที่มีมาช้านานระหว่างสองประเทศในหลายปีที่ผ่านมาได้พัฒนาอย่างดีงาม โดยเฉพาะ ความสัมพันธ์ทางการเมืองผ่านการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูง ล่าสุดคือ การเยือนฮังการีของท่านเจืองเติ๊นซางประธานประเทศเวียดนามซึ่งได้เปิดโอกาสร่วมมือระหว่างสองประเทศในหลายด้าน  ในนโยบายมุ่งสู่ตะวันออก ฮังการรีชื่นชมและให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการขยายความสัมพันธ์กับเวียดนาม

แม้ว่า สัมพันธไมตรีและความร่วมมือในหลายปีที่ผ่านมาได้พัฒนาอย่างดีงามแต่ผลที่ได้รับยังต่ำมากเมื่อเทียบกับศักยภาพของทั้งสองประเทศ ดังนั้น การขยายความร่วมมือในหลายด้านและนำผลประโยชน์มาให้แก่ทั้งสองฝ่ายจึงเป็นความปรารถนาของผู้นำทั้งสองประเทศ การเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีฮังการีอาเดร์ ยาโนสจะมีส่วนร่วมผลักดันการปฏิบัติโครงการร่วมมือระหว่างสองประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมนักธุรกิจของทั้งสองประเทศเข้าถึง ศึกษาศักยภาพ ความต้องการของกันและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาภูมิภาคและโลกที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจร่วมกัน./.