นับตั้งแต่ปรับความสัมพันธ์เป็นปกติเมื่อปี 1991 มาจนถึงปัจจุบัน ถ้าหากมองในภาพรวม ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับจีนได้พัฒนาอย่างรวดเร็วในทุกด้าน การเยี่ยมเยือนกันและการพบปะระดับสูงได้มีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือระหว่างกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นระหว่างสองประเทศนับวันยิ่งใกล้ชิดมากขึ้น ส่วนการเยือนสันถวไมตรีจีนครั้งนี้ของประธานรัฐสภาเวียดนามเหงียนซิงหุ่งห์เป็นการสานต่อกิจกรรมการต่างประเทศของพรรคและรัฐเวียดนามในปี 2015

ควบคู่กับความสัมพันธ์ระหว่างสองพรรคและสองรัฐ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาทั้งสองประเทศได้รับการรักษาและพัฒนามากขึ้นในเวลาที่ผ่านมา ผู้นำรัฐสภาทั้งสองประเทศได้จัดการเยือนระหว่างกัน มีส่วนร่วมเสริมสร้าง ขยายความสัมพันธ์ร่วมมือและการพบปะสังสรรค์เป็นประจำ พร้อมทั้งมีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและศึกษาประสบการณ์ในการปฏิบัติงานด้านนิติบัญญัติ จัดทำระบบกฎหมายให้มีความสมบูรณ์ ยกตัวอย่างเช่น การเยือนประเทศจีนของนางต่องถิฟ้อง รองประธานรัฐสภาเวียดนามเมื่อเดือนมกราคมปี 2012 ของนายอวงจูลิว รองประธานรัฐสภาเวียดนามในฐานะประธานคณะกรรมการสันติภาพเวียดนามเมื่อเดือนกันยายนปี 2012 การเยือนจีนของคณะสถาบันวิจัยนิติบัญญัติเวียดนามเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2012 คณะกรรมาธิการที่ดูแลปัญหาทางสังคมของรัฐสภาเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2013 นอกจากนี้ยังมีการเยือนประเทศเวียดนามของนายหลีเจี้ยนกั๋ว รองประธานคณะกรรมาธิการสามัญแห่งรัฐสภาและเลขาธิการรัฐสภาจีนเมื่อเดือนธันวาคมปี 2012 การเยือนของคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของรัฐสภาจีนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2013 โดยเฉพาะการเยือนเวียดนามของนายสีจิ้นผิง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานประเทศจีนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการกล่าวปราศรัยในรัฐสภาเวียดนามและส่งสาส์นแห่งสันติภาพและมิตรภาพ

รัฐสภาทั้งสองประเทศได้สนับสนุนกันในฟอรั่มระดับพาหุภาคีและร่วมมือเสนอความคิดริเริ่มต่างๆในองค์กรรัฐสภาระดับภูมิภาคและโลก

ในระยะปัจจุบัน ผู้นำทั้งสองประเทศได้มีความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางและมาตรการเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้พัฒนาอย่างมีเสถียรภาพ บริสุทธิ์และยั่งยืน ปี 2015 ยังเป็นปีพิเศษของความสัมพันธ์เวียดนาม – จีนเพราะมีการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อฉลองครบรอบ 65 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต นอกจากนี้ความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นก็ได้รับการขยายมากขึ้น โดยความสัมพันธ์ร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนประสบความคืบหน้า โดยเมื่อปี 2014 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนอยู่ที่กว่า 5 หมื่น 8 พันล้านดอลล้าร์สหรัฐ ในปี 2015 ถึงเดือนตุลาคม มูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้บรรลุเกือบ 5หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในด้านการลงทุน จนถึงเดือนตุลาคมปี 2015 จีนมีโครงการลงทุนในเวียดนามกว่า 1,200 โครงการ รวมยอดเงินทุนจดทะเบียนกว่า 8.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่อันดับที่ 9 ในจำนวน 105 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนาม จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาท่องเที่ยวเวียดนามจนถึงเดือนตุลาคมอยู่ที่ 1.4 ล้านคน ความร่วมมือระหว่างสองประเทศในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การศึกษาและฝึกอบรม การท่องเที่ยว การพบปะระดับประชาชนได้รับการขยายมากขึ้น และถึงแม้ยังมีอุปสรรคและความลำบากต่างๆในความสัมพันธ์ทวิภาคี แต่สถานการณ์ในเขตพรมแดนทางบกและในอ่าวทะเลตะวันออกยังคงมีเสถียรภาพในขั้นพื้นฐาน สถานการณ์ในทะเลตะวันออกยังมีความซับซ้อน โดยเฉพาะการที่จีนได้ก่อสร้างเกาะเทียมและสิ่งปลูกสร้างต่างๆในหมู่เกาะเจื่องซาหรือสเปรสลีย์ได้สร้างความกังวลต่อประชามติเวียดนามและประชาคมระหว่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันที่จะยืนหยัดการเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งและอุปสรรคต่างๆเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้มีความบริสุทธิ์ เสถียรภาพและเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ

บนพื้นฐานดังกล่าว การเยือนประเทศจีนของประธานรัฐสภาเวียดนามเหงียนซิงหุ่งห์มีความหมายสำคัญเป็นอย่างมากต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีเวียดนาม – จีนและในภาพรวมของความสัมพันธ์ต่างประเทศของเวียดนาม นี่เป็นการเยือนครั้งแรกของนายเหงียนซิงหุ่งห์ในฐานะประธานรัฐสภาเวียดนามสมัยที่ 13 ในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับจีนยังคงรักษาแนวโน้มการพัฒนาอย่างดีนั้น การเยือนครั้งนี้ได้มีส่วนร่วมปฏิบัติความเข้าใจร่วมกันของผู้นำทั้งสองพรรคและสองประเทศเกี่ยวกับความสัมพันธ์เพื่อนบ้านและมิตรภาพที่มีมาช้านาน ซึ่งเป็นโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายขยายการพบปะ ความร่วมมือระหว่างรัฐสภาและการหารือปัญหาสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับจีน สำหรับประเทศเวียดนาม การเยือนประเทศจีนครั้งนี้ของประธานรัฐสภาเหงียนซิงหุ่งห์มีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันทัศนะที่เสมอต้นเสมอปลายคือให้ความสำคัญและมีความประสงค์ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีงามและจริงจังกับจีนบนพื้นฐานของการให้ความเคารพต่อกัน มีความเสมอภาคและเอื้อประโยชน์ต่อกัน.