ก้าวเดินถอยหลังในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย

Huyen-VOV5
Chia sẻ
(VOVworld)-นับตั้งแต่วันที่1ตุลาคมเป็นต้นไป องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐ(USAID) ได้ยุติปฏิบัติการทั้งหมดในรัสเซียโดยการส่งเจ้าหน้าที่กลับประเทศตามคำสั่งของทางการมอสโคว์ ซึ่งถึงแม้ว่าวอชิงตันได้ยืนยันว่าการปิดสำนักงานของUSAIDในรัสเซียจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแต่ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ การตัดสินใจดังกล่าวจะขัดขวางกระบวนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย ซึ่งเคยมีความผันผวนมากมายนับตั้งแต่อดีต 
(VOVworld)-นับตั้งแต่วันที่1ตุลาคมเป็นต้นไป องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐ(USAID) ได้ยุติปฏิบัติการทั้งหมดในรัสเซียโดยการส่งเจ้าหน้าที่กลับประเทศตามคำสั่งของทางการมอสโคว์ ซึ่งถึงแม้ว่าวอชิงตันได้ยืนยันว่าการปิดสำนักงานของUSAIDในรัสเซียจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแต่ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ การตัดสินใจดังกล่าวจะขัดขวางกระบวนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย ซึ่งเคยมีความผันผวนมากมายนับตั้งแต่อดีต 
ก้าวเดินถอยหลังในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย  - ảnh 1
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียจะต้องเผชิญกับระยะแห่งความผันผวนครั้งใหม่

รัฐบาลสหรัฐได้จัดตั้งองค์การUSAID ขึ้นเมื่อปี1961เพื่อดูแลปัญหาการช่วยเหลือประชาชนในต่างประเทศเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย เศรษฐกิจ สาธารณสุข การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและป้องกันการปะทะในกว่า100ประเทศทั่วโลก โดยUSAIDได้เปิดสำนักงานตัวแทน ณ มอสโคว์ตั้งแต่ปี1992และตามข้อมูลขององค์การนี้ ในปี2012 USAIDได้สงวนเงินช่วยเหลือประมาณ50ล้านเหรียญสหรัฐ(เกือบ 1,550 ล้านบาท)ในรัสเซีย มีเจ้าหน้าที่พนักงานเป็นชาวรัสเซีย60คนและชาวสหรัฐ13คน  ในช่วงปี1990 องค์การนี้ได้เน้นให้ความช่วยเหลือรัสเซียปรับเปลี่ยนการพัฒนาจากเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์โดยรัฐบาลควบคุมมาเป็นการเปิดตลาดอย่างเสรี อย่างไรก็ดีในรอบ1ทศวรรษที่ผ่านมา จำนวนเงินอุปถัมภ์เพื่อสนองให้แก่องค์กรสิทธิมนุษยชนและเสริมสร้างสังคมพลเรือนในรัสเซียได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะเป็นผู้อุปถัมภ์หลักให้แก่โกลอส (Golos) ซึ่งเป็นองค์กรจับตาการเลือกตั้งอิสระองค์กรเดียวของรัสเซีย   

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้ประกาศคำสั่งให้USAIDปิดสำนักงานและยุติปฏิบัติการทั้งหมดในรัสเซียตั้งแต่วันที่18กันยายนโดยให้เหตุผลว่าองค์การนี้พยายามขยายอิทธิพลในเวทีการเมือง ระบอบสังคมพลเรือนและการเลือกตั้งในทุกระดับผ่านการอุปถัมภ์ด้านการเงิน ซึ่งทางการมอสโคว์ยืนยันว่า สังคมพลเรือนในรัสเซียได้เติมโตอย่างเข้มแข็งแล้วและไม่ต้องการการชี้นำจากภายนอก  ส่วนผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนรัสเซียหลังจากที่รัฐบาลประกาศปิดสำนักงานUSAIDในประเทศ ปรากฎว่าร้อยละ75ให้การสนับสนุนเพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ในขณะที่มีเพียงร้อยละ10.5เห็นว่าจะกระทบกระเทือนต่อสถานการณ์ของรัสเซีย ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองในรัสเซียเห็นว่า การตัดสินใจดังกล่าวถือว่าทันการณ์และมีเหตุผล

ก้าวเดินถอยหลังในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย  - ảnh 2

การที่รัสเซียประกาศปิดสำนักงานUSAIDได้สร้างกระแสความเห็นที่แตกต่างกันจากนักการเมืองและสื่อต่างๆของสหรัฐ โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ประกาศว่า สหรัฐรู้สึกเสียใจต่อเรื่องนี้และไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า USAID แทรกแซงการเมืองของรัสเซีย ส่วนวุฒิสมาชิกพรรค      ริพับลิกัน จอห์น มัคเคน ได้กล่าวว่า การกระทำนี้ถือว่าเป็นการดูถูกทางการของประธานาธิบดีบารักโอบามา  ในขณะที่สื่อต่างๆที่มีชื่อเสียงของสหรัฐได้ลงข่าวแสดงความเห็นว่า นี่คือก้าวเดินถอยหลังในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐ เป็นการทำลายความพยายามของประธานาธิบดี     บารักโอบามาเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายในเวลาที่ผ่านมา  อันที่จริง การตัดสินใจครั้งนี้อยู่ในแผนการปฏิรูปการเมืองของประธานาธิบดีปูตินหลังจากชนะการเลือกตั้งอีกสมัย โดยก่อนที่นายปูตินกลับมาเป็นเจ้าของวังเครมลินอีกครั้ง บรรดานักวิเคราะห์ระหว่างประเทศก็ได้ให้ข้อสังเกตุว่า นี่คือการเริ่มต้นแห่งช่วงเวลาที่ลำบากในความสัมพันธ์ระหว่างระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย เพราะไม่เหมือนกับนาย เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย นายปูตินยืนหยัดจุดยืนที่แข็งกร้าวในความสัมพันธ์กับสหรัฐ โดยในการหาเสียงเลือกตั้งเขาได้สร้างภาพลักษณ์ประเทศรัสเซียที่กำลังถูกคุกคามจากฝ่ายตะวันตกและหลังจากชนะการเลือกตั้ง นโยบายทั้งภายในและต่างประเทศของรัสเซียก็ได้ยึดหลักตามจุดยืนนี้ ซึ่งนับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นายปูตินได้เน้นความสนใจขจัดภัยคุกคามที่เริ่มจากกระบวนการคัดค้านของฝ่ายค้านภายในประเทศที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลต่างประเทศ ควบคู่กับการเพิ่มมาตรการปฏิรูปทางการเมืองและพร้อมที่จะทำการสนทนากับฝ่ายค้าน ประธานาธิบดีปูตินได้อนุมัติกฎหมายใหม่เกี่ยวกับการเดินขบวนที่เพิ่มค่าปรับต่อผู้เข้าร่วมการเดินขบวน เพิ่มความเข้มงวดในการลงโทษต่อข้อหาหมิ่นประมาทรัฐบาล เพิ่มความรัดกุมในการควบคุมการเคลื่อนไหวขององค์การที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลต่างๆโดยกำหนดให้ต้องขึ้นทะเบียนการเคลื่อนไหวกับกระทรวงยุติธรรมและต้องยื่นรายงานการดำเนินงานในทุกๆไตรมาสต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัสเซีย นอกจากนี้รัสเซียยังตำหนิองค์กรระหว่างประเทศบางองค์กรแอบให้การสนับสนุนแก่ฝ่ายค้านในประเทศเพื่อยุยงปลุกปั่นให้เกิดการใช้ความรุนแรง แม้กระทั่งทางการสหรัฐก็ถูกตำหนิว่าอยู่เบื้องหลังการเดินขบวนครั้งใหญ่เพื่อต่อต้านรัฐบาลรัสเซียเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่พรรครัสเซียเอกภาพได้รับชนะในการเลือกตั้งสภาล่าง

            ทางฝ่ายสหรัฐนั้น เมื่อขึ้นบริหารประเทศนายโอบามาก็ได้แสวงหาโอกาสต่างๆเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซียและสามารถประสบผลที่น่ายินดีในบางด้านเช่น การลงนามสนธิสัญญาว่าด้วยการควบคุมอาวุธเมื่อปี2010 แต่ถึงกระนั้นทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งในหลายปัญหาตั้งแต่สถานการณ์ความรุนแรงในซีเรีย โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านไปจนถึงแผนการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐและขบวนการวสันต์แห่งอาหรับ ซึ่งในสภาวการณ์นั้น การที่มอสโคว์ไม่ยอมรับบทบาทของUSAIDก็ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียจะต้องเผชิญกับระยะแห่งความผันผวนครั้งใหม่./.

 

คำติชม