การยุติการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย แผนการที่เต็มไปด้วยความท้าทายของอียู

Quang Dung- VOV5
Chia sẻ

(VOVWORLD) -เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ด้วยเสียสนับสนุน 500 เสียง เสียงคัดค้าน 120 เสียงและงดออกเสียง 32  เสียง  รัฐสภายุโรปหรืออีพีได้อนุมัติแผนการของคณะกรรมาธิการยุโรปหรืออีซีเกี่ยวกับการเลิกใช้ก๊าซจากรัสเซียในปลายปี 2027 ซึ่งถือเป็นแผนการที่เต็มไปด้วยความท้าทายของอียูในยุทธศาสตร์ระยะยาวเกี่ยวกับการกำจัดการใช้พลังงานจากรัสเซีย

การยุติการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย

ตามแผนการที่บรรดาประเทศสหภาพยุโรปหรืออียูได้เห็นพ้องเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาและได้รับการอนุมัติจากอีพีเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม  ยุโรปจะยุติการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวจากรัสเซียก่อนวันที่ 31 ธันวาคมปี 2026 และก๊าซธรรมชาติเหลวหรือ LNG ผ่านท่อส่งก๊าซก่อนวันที่ 30 กันยายนปี 2027  โดยเฉพาะบรรดาประเทศสมาชิกอียูสามารถขยายเวลาการปฏิบัติคำสั่งนี้ออกไปเป็นวันที่ 31 ตุลาคมปี 2027 ถ้าหากปริมาณก๊าซสำรองอยู่ในระดับต่ำ

สำหรับสัญญาเกี่ยวกับการจัดสรรก๊าซในระยะสั้นที่ได้รับการลงนามก่อนวันที่ 17 มิถุนายนปี 2025 คำสั่งห้ามนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียต่อก๊าซเหลว LNG จะมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 25 เมษายนปี 2026  และในวันที่ 17 มิถุนายนสำหรับก๊าซที่ส่งผ่านท่อก๊าซธรรมชาติ ส่วนสำหรับสัญญาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวในระยะยาวที่ได้ลงนามก่อนวันที่ 17 มิถุนายนปี 2025  คำสั่งดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2027  ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการคว่ำบาตรที่ 19 ของอียูต่อรัสเซีย ซึ่งการนำเข้าก๊าซผ่านท่อส่งก๊าซตามสัญญาในระยะยาวจะต้องยุติก่อนวันที่ 30 กันยายน ซึ่งการแก้ไขสัญญาที่มีอยู่ไม่ได้ทำให้เพิ่มปริมาณและราคา ดังนั้น ช้าที่สุดในเดือนพฤศจิกายนปี 2027 อียูจะหยุดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย แม้คำสั่งดังกล่าวยังต้องได้รับการให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการในการประชุมระดับรัฐมนตรีของอียูที่คาดว่า จะมีขึ้นในต้นปี 2026 แต่การที่อีพีลงคะแนนอนุมัติแผนการดังกล่าวเป็นการยกเลิกการกีดกันทางกฎหมายที่เหลืออยู่  

ตามข้อมูลสถิติของอีซี นับตั้งแต่ที่เกิดการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 บรรดาประเทศอียูได้สงวนเงินจำนวน 2 แสน 5 หมื่น 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย โดยสงวนเงินจำนวน 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวันเพื่อซื้อพลังงานจากรัสเซีย ซึ่งวงเงินดังกล่าวสูงกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับจำนวนเงินช่วยเหลือของยูเครนในหลายปีที่ผ่านมาและบรรดาผู้นำอียูเห็นว่า นี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้

ความท้าทาย

เจ้าหน้าที่อียูหลายคนได้เชิดชูการตัดความสัมพันธ์ด้านพลังงานกับรัสเซียเป็นก้าวเดินครั้งประวัติศาสตร์ของอียู โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่หลายคนไม่เชื่อว่า อียูจะสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ในเร็ว ๆ นี้ นับตั้งแต่เกิดการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครน อียูได้ลดสัดส่วนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติของรัสเซียจากร้อยละ 45 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ลงเหลือร้อยละ 13 ในปัจจุบัน การนำเข้าน้ำมันได้ลดลงจากร้อยละ26 ลงเหลือร้อยละ 2 และถ่านหินจากร้อยละ 51 ลงเหลือ 0%  แต่อย่างไรก็ดี  การเลิกใช้พลังงานจากรัสเซียเป็นความทะเยอทะยานที่เต็มไปด้วยความท้าทาย  เพราะปัญหาใหญ่ในปัจจุบันคือความคิดเห็นที่แตกต่างกันของบรรดาประเทศสมาชิกอียูต่อการเลิกใช้พลังงานของรัสเซีย โดยสโลวาเกียและฮังการีเป็นสองประเทศที่คัดค้านคำสั่งห้ามนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเนื่องจากยังคงพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย ซึ่งนายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย ได้ประกาศว่า

พวกเราจะพิจารณาการฟ้องร้อง ซึ่งทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับการที่อีซีปฏิบัติภาระหน้าที่ต่อสโลวาเกียอย่างไร สโลวาเกียคัดค้านการตัดสินใจยุติการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย การตัดสินใจดังกล่าวได้ละเมิดหลักการขั้นพื้นฐานของอียูเนื่องจากได้รับการอนุมัติจากประเทศสมาชิกส่วนใหญ่แทนประเทศสมาชิกทั้งหมด”

การยุติการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียจำเป็นต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิด การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน การเพิ่มความหลากหลายของแหล่งจัดสรร เช่น สหรัฐ นอร์เวย์และแอฟริกาเหนือ การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้แทนแหล่งก๊าซธรรมชาติที่นำเข้าจากรัสเซีย

ปัจจุบัน ผู้จัดสรรก๊าซธรรมชาติหลักให้แก่อียูได้แก่ นอร์เวย์ สหรัฐและแอลจีเรีย มีข้อจำกัดในด้านกำลังการผลิตและความเสียเปรียบด้านภูมิศาสตร์ โดยนอร์เวย์ได้จัดสรรก๊าซธรรมชาติ 9 หมื่น 1 พันล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2024 และเป็นผู้จัดสรรคก๊าซผ่านท่อส่งก๊าซมากที่สุดของอียู ส่วนสหรัฐจัดสรรก๊าซธรรมชาติเหลวประมาณร้อยละ 45 ให้แก่อียูและสามารถเพิ่มปริมาณการจัดสรรได้ แต่สิ่งนี้จะเพิ่มการพึ่งพาผู้จัดสรรเพียงรายเดียว  ส่วนแอลจีเรียได้จัดสรรก๊าซธรรมชาติ 39 พันล้านลูกบาศก์เมตรผ่านท่อส่งก๊าซธรรมชาติเหลวแต่ศักยภาพการเติบโตมีจำกัดเนื่องจากความต้องการภายในประเทศสูง ซึ่งนาง ทาเทียนา มินเดโควา ที่ปรึกษานโยบายพลังงานยุโรปของบริษัท Ember เผยว่า  ปัจจุบันไม่มีผู้จัดสรรรายใดสามารถทดแทนรัสเซียในการจัดสรรก๊าซธรรมชาติให้แก่ยุโรป.

คำติชม