(VOVworld)-ท้ายบิ่งห์เป็นหนึ่งในจังหวัดริมฝั่งทะเลของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำแดงโดยมีทิศตะวันตกที่ติดกับทะเล ดังนั้นเอกลักษณ์วัฒนธรรมของท้องถิ่นนี้ก็มีความหลากหลายทั้งเรื่องวัฒนธรรมอาหารการกินและงานเทศกาลต่างๆที่มีความผูกพันกับทะเล
ยำแมงกะพรุน(photo internet)
|
เป็นเวลานานหลายร้อยปีแล้วที่ชาวบ้านในท้องถิ่นอ.เตี่ยนหายและอ.ท้ายถวิซึ่งตั้งอยู่ในเขตปากแม่น้ำได้ประกอบอาชีพปลูกข้าวนาดำและทำประมงเป็นหลัก ดังนั้นอาหารต่างๆก็มักจะได้จากการประกอบอาชีพนี้โดยใช้วัตถุดิบที่หาได้ตามทะเลและมีการปรุงให้ได้รสชาดที่อร่อยน่ากินมากขึ้น
เขตทะเลท้ายบิ่งห์มีแมงกะพรุนเยอะมากซึ่งถือเป็นวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารของท้ายบิ่งห์โดยเฉพาะยำแมงกะพรุน โดยฤดูแมงกะพรุนจะตรงกับช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมทุกปีและเนื่องจากเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีกระดูกสันหลังอาศัยอยู่ในน้ำเค็มดังนั้นก่อนที่นำไปทำอาหารก็ต้องล้างน้ำเพื่อลดความเค็มก่อน โดยขั้นตอนแรกคือเอาแมงกะพรุนไปแช่น้ำเกลือผสมสารส้ม หลังจากนั้น ก็ล้างด้วยน้ำจืดแล้วหั่นเป็นชิ้นๆและแช่น้ำจืดต่ออีกสัก8ชั่วโมง แล้วนำไปจุ่มน้ำร้อนอีกทีก็สามารถใช้ปรุงอาหารได้ สำหรับยำแมงกะพรุนก็จะมีส่วนผสมของหอมใหญ่ เนื้อไก่ต้ม ปลาหมึกหรือเนื้อแห้ง ถั่วลิสงคั่ว มะพร้าวเส้น ใบมะนาว ใบโหระพา เครื่องปรุง น้ำปลาและพริก ซึ่งทุกอย่างถูกผสมให้เข้ากันเพื่อให้ได้ยำแมงกะพรุนที่มีรสเปรี้ยวหวานและเผ็ดเข้มข้น นายเหงวียนวันหาย นักท่องเที่ยวกล่าวว่า“ท้องถิ่นริมฝั่งทะเลที่มีเมนูอาหารจากแมงกะพรุนนั้นมีอยู่หลายแห่งแต่ผมว่าที่มีรสชาดอร่อยที่สุดคือที่จังหวัดท้ายบิ่งห์ ซึ่งยำแมงกะพรุนที่นี่จะมีรสชาดที่เข้มข้นเพราะปรุงด้วยน้ำปลาเยียมเดี่ยนที่ขึ้นชื่อของท้ายบิ่งห์ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสมาท้ายบิ่งห์ผมต้องหาทานให้ได้เพราะทั้งอร่อยและมีประโยชน์มีคุณค่าทางโภชนาการสูง”
แกงกลาควาย
|
นอกจากยำแมงกะพรุน ที่ท้ายบิ่งห์ยังขึ้นชื่อด้วยอาหารที่ทำจากปลาควาย ซึ่งวิธีการทำอาหารจากปลาควายของที่นี่ก็แตกต่างไม่เหมือนท้องถิ่นอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงคือจะต้มแกงส้มผักหนอก โดยตอนต้มนั้นใช้เวลาไม่นานเพื่อให้เนื้อปลายังคงความหวานและต้องทานร้อนๆถึงจะอร่อยที่สุด นางหวูถิถาว ชาวท้ายบิ่งห์ เผยว่า“ปลาควายนี้ไม่คาวมากเหมือนปลาทะเลชนิดอื่นๆ เนื้อนุ่มและใส ต้มในเวลาที่พอดีให้พอสุกถึงจะอร่อย”
เมื่อมาเที่ยวจังหวัดท้ายบิ่ง อาหารอย่างหนึ่งที่ควรลองอีกก็คือปลาย่างสูตรท้ายบิ่งห์ซึ่งเป็นอาหารที่สะท้อนให้เห็นถึงความเรียบง่ายและก็มีความพิถีพิถันของชาวท้องถิ่น โดยเมนูปลาย่างมักจะใช้ปลาเฉาดำขนาด2กิโลกรัมขึ้นไป โดยจะนำปลาไปล้างให้สะอาด เลาะเอาแต่เนื้อปลาแล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ หมักปลาด้วยน้ำปลาผสมขมิ้นตำละเอียด ใช้แท่นไม้ใผ่ที่ทาขมิ้นกันไหม้เพื่อย่างปลาบนถ่านที่ได้จากการเผาฟืนต้นฝรั่งหรือต้นสะเดา โดยใช้เวลาย่างประมาณ4-5ชั่วโมงก็จะได้ปลาย่างขมิ้นสีเหลืองแก่ที่หอมอร่อยชวนกิน
แม้จะเป็นอาหารประจำถิ่นที่ชาวท้ายบิ่งห์คุ้นเคยกันดีแต่ก็ได้กลายเป็นเสน่ห์เพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยวเมื่อมีโอกาสมาเที่ยวท้ายบิ่งห์ ซึ่งอาหารแต่ละอย่างต่างสะท้อนคุณค่าวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวท้องถิ่นริ่มฝั่งทะเลที่แม้จะเรียบง่ายแต่ก็มีความพิถีพิถันเป็นอย่างยิ่งที่ใครได้มีโอกาสลองแล้วจะต้องติดใจ.