( VOVworld )-มีจุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวดาลัตนั่นคือ ที่ราบสูงลาง เบียงหรือเลิมเวียน ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองดาลัตไปทางทิศเหนือประมาณ ๑๒ กิโลเมตร เดินทอดน่องตามไหล่เขาและเดินผ่านป่าสนคริสต์มาสท่านจะได้ปล่อยภวังค์ไปกับทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่แสนโรแมนติก ยอดเขาลางเบียงเป็นจุดชมวิวเมืองดาลัตในหมอก
พักเที่ยงระหว่างทางพิชิตยอดเขาลางเบียง
เขตที่ราบสูงลางเบียงมีพื้นที่ ๒๗๕,๔๒๙ เฮกต้าร์อยู่ทางทิศเหนือจังหวัดเลิม ด่ง ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รู้จักแพร่หลายเท่านั้น หากยังเป็นเขตสงวนชีวมณฑลโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโกเมื่อปี ๒๐๑๕ อีกทั้งเป็นเขตสงวนชีวิมณฑลของโลกแห่งแรกในผืนดินเตย เงวียน ที่มีป่าเขาลำเนาไพรอันกว้างใหญ่ไพศาล ที่นี่ยังเก็บรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ทัศนียภาพทางธรรมชาติพร้อมกับวัฒนธรรมฆ้องเตยเงวียนที่เป็นเอกลักษณ์ เขตสงวนชีวมณฑลลาง เบียงครอบคลุมพื้นที่ป่าดงดิบอันกว้างใหญ่ในนั้นมีอุทธยานแห่งชาติ บีโออุป-นุ้ยบ่าที่เป็นเขตป่าอันศักสิทธิ์และถือเป็นศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพหนึ่งในสี่แห่งของเวียดนาม นายหวู วัน ตือ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการลงทุน การค้าและการท่องเที่ยวจังหวัดเลิม ด่งกล่าวว่า คุณค่าพิเศษของลาง เบียงได้ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวเมื่อมาเที่ยวดาลัต นายตือกล่าวว่า
“ เมื่อมาเที่ยวดาลัต นักท่องเที่ยวจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ได้พักผ่อนและเที่ยวชมสถานที่ที่น่าสนใจบางแห่งรวมทั้งที่ราบสูงลางเบียงที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ ๒,๐๐๐ เมตร ยืนอยู่บนยอดเขาลางเบียง นักท่องเที่ยวจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ทอดสายตาชมความสวยงามของธรรมชาติและรู้สึกว่าเหมือนอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก ที่ยอดเขานี้เป็นจุดชมทิวทัศน์ได้ทั้งเมืองดาลัต อีกทั้งได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่าต่างๆในที่ราบสูงเตยเงวียน โดยเฉพาะชนเผ่าที่อาศัยอยู่ที่เชิงเขาลางเบียง ”
จากเชิงเขาลางเบียง ซึ่งเป็นจุดสตาร์ท นักท่องเที่ยวสามารถพิชิตภูผาสองแห่งในเขตสงวนชีวมณฑลลางเบียงระยะทางประมาณ ๑๔ กิโลเมตร โดยภูหนึ่งสูง ๑,๙๕๐ เมตรและอีกภูสูง ๒,๑๖๙ เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะเดินเท้าตามเส้นทางเล็กผ่านป่าสนคริสตมาสต์เพื่อชมความงามของทะเลสาบดาน เกียที่มีน้ำใส ส่วนเพื่อพิชิตยอดเขาสูง ๒,๑๖๙ เมตรนั้น นักท่องเที่ยวจะเดินผ่านผ่านป่าดง ซึ่งยิ่งสูงขึ้นเท่าใดก็รู้สึกถึงควาเยือกเย็นมากเท่านั้น ทางเดินแคบและลำบากกว่า ตลอดจนพบสิ่งกีดขวางต่างๆไม่ว่าจเป็นซากโคนต้นไม้ ไม้เถาขว้างทาง ผาหินขนาดใหญ่และทางลาดชันที่คดเคี้ยว นายห่ง กวน ซึ่งเป็นชาวบ้านที่นี่เปิดเผยว่า “ เมื่อเอ่ยถึงดาลัตก็คือเอ่ยถึงผืนดินลาง เบียง ลางเบียงเป็นภูผาที่ผูกพันกับเรื่องความรักของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณเชิงเขา เมื่อคุณเข้าไปในหมู่บ้านลางเบียง ไปที่เชิงเขาลาง เบียงและไต่ขึ้นยอดเขา ความรู้สึกเกี่ยวกับการไต่ขึ้นยอดเขาคือความรู้สึกของผู้ที่มีไฟแรง เมื่อเตรียมตัวให้แก่การไต่เขาคือความเป็นวัยรุ่นไฟแรงเพื่อพร้อมที่จะไต่เขา ”
เมืองดาลัตในหมอกมองจากยอดเขาสูง ๑,๙๕๐ เมตร
นอกจากเดินเท้าขึ้นเขาแล้ว ยังสามารถขึ้นยอดเขาลางเบียงด้วยการขี่ม้าหรือนั่งรถจี๊ป คุณบิ๊กห์ชีไกด์นำเที่ยวของบริษัทไซง่อนทัวริสต์แนะนำ “ นั่งรถจี๊ปจะปลอดภัยและเร็วกว่า โดยใช้เวลา ๑๐ นาทีเท่านั้นก็จะถึงยอดเขา ระหว่างทางรถจะวิ่งผ่านป่าสนคริสต์มาสและทางคดเคี้ยวด้วยฝีมือการขับรถที่ยอดเยี่ยมของโซเฟอร์ทำให้เราทั้งตื่นเต้นทั้งแปลกใจ ”
ยืนบนยอดเขาลาง เบียงที่สูง ๑,๙๕๐ เมตรยามพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า นักท่องเที่ยวจะได้อยู่ท่ามกลางทะเลเมฆ มองทอดสายตาไปไกลๆคือภาพเมืองดาลัตเหมือนภาพวาดตระกาลตาที่มีทะเลสาบดานเกียและธารน้ำซ้วยหว่างหรือธารน้ำทองแดงดุจสายไหมสีชมพูไหลลัดเลาะตามป่าเขา คุณมาย ลาน นักท่องเที่ยวจากจังหวัดด่ง นายทางภาคใต้ประเทศกล่าวว่า “ วันนี้ พวกเรามาฮันนีมูนที่ดาลัต การเดินขึ้นเขาลางเบียงทำให้รู้สึกเหนื่อยมาก แต่เมื่อถึงยอดเขาแล้วความเหนื่อยล้าได้หายไปสนิท ดิฉันรู้สึกจิตใจปลอดโปร่งและอากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย ”
เชิญท่านมาเที่ยวที่ราบสูงลาง เบียงเพื่อชมทัศนียภาพที่สวยงาม เก็บภาพสวยๆเพื่อเป็นที่ระลึกและรับฟังเรื่องความรักที่โรแมนติกในผืนดินที่ราบสูงแห่งตำนานนี้ .