รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนาม เจิ่นต๊วนแอง |
“ย้อนกลับไปเมื่อปี 1995 ที่เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียน เราเพิ่งออกจากยุคแห่งการคว่ำบาตรและเริ่มปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศอย่างรอบด้านและเข้มแข็ง ต่อมาเราเข้าเป็นสมาชิกของเขตการค้าเสรีของอาเซียนหรือเอเอฟทีเอเมื่อปี 1996 ซึ่งถือเป็นก้าวเดินแรกๆที่ช่วยให้เราปฏิบัติมติการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 7 ตามแนวทางที่สร้างสรรค์และปฏิบัติยุทธศาสตร์การต่างประเทศบนพื้นฐานของความสัมพันธ์พหุภาคีที่หลายรูปแบบหลายฝ่ายกับหุ้นส่วนต่างๆ โดยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจคือพื้นฐานสำคัญ อาจกล่าวได้ว่า ก้าวเดินแรกๆนี้ได้ช่วยให้เวียดนามเติบโตและพัฒนาอย่างเข้มแข็ง นี่ยังเป็นพื้นฐานให้แก่ยุทธศาสตร์การผสมผสานของเวียดนามในระยะต่อๆไป ทั้งในด้านการต่างประเทศและเศรษฐกิจ”
สำหรับความสัมพันธ์ร่วมมือของเวียดนามกับอาเซียนในกระบวนการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก รัฐมนตรี เจิ่นต๊วนแองได้เผยว่า ในฐานะสำคัญทางภูมิศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในกลุ่มประเทศอาเซียน ถ้าหากส่งเสริมความเป็นเอกฉันท์ ความสามัคคีและเอกภาพในอาเซียนได้ เวียดนามจะมีเสียงพูดที่เข้มแข็งมากขึ้นเพื่อยืนยันสถานะทางการเมืองของทุกประเทศในอาเซียนและอาเซียนจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นจากข้อตกลงเอเอฟทีเอที่ทำกับหุ้นส่วนภายนอก สำหรับความสัมพันธ์ร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามกับอาเซียน รัฐมนตรี เจิ่นต๊วนแองเผยว่า “อาเซียนเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนการค้าชั้นนำระดับโลกของเวียดนามในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อปี 1996 ที่เวียดนามเพิ่งเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มเอเอฟทีเอ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างเวียดนามกับบรรดาประเทศอาเซียนอยู่ที่ประมาณ 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐแต่ถึงปี 2018 ได้เพิ่มขึ้นกว่า 9.5 เท่า อยู่ที่ 5 หมื่น 6 พัน 3 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้เวียดนามยังเสียเปรียบดุลการค้าในตลาดอาเซียนแต่ก็เป็นเรื่องที่สามารถยอมรับได้เนื่องจากช่องว่างของการพัฒนาและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกของแต่ละประเทศ การผสมผสานเข้ากับอาเซียนโดยเสาหลักคือเศรษฐกิจด้วยพื้นฐานคือการค้าและการลงทุนได้ช่วยให้เวียดนามเชื่อมโยงกับบรรดาประเทศอาเซียนมากขึ้นและยกระดับสถานะของเวียดนามบนเวทีโลก”
ตามความคิดเห็นของรัฐมนตรี เจิ่นต๊วนแอง นับตั้งแต่เป็นสมาชิกของเอเอฟทีเอเมื่อปี 1996 ถึงขณะนี้ เวียดนามได้เข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรี 16 ฉบับ ซึ่งในนั้นมีหลายฉบับที่ช่วยให้เราเข้าถึงเกือบทุกเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก เวียดนามได้ลงนามข้อตกลงเอฟทีเอกับ 15 ประเทศจากจำนวนทั้งหมด 20 ประเทศในกลุ่มจี 20 ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ทักษะความสามารถ สถานะและภาพลักษณ์ของประเทศเวียดนามได้เพิ่มมากขึ้น ความสัมพันธ์กับอาเซียนได้นำบทเรียนต่างๆมาให้แก่เวียดนามในกระบวนการเปิดประเทศและผสมผสานเข้ากับกระแสโลก “อาจกล่าวได้ว่า เราได้เรียนรู้อย่างรอบด้าน ซึ่งช่วยเวียดนามในการปฏิรูปเศรษฐกิจและเปลี่ยนแปลงใหม่รูปแบบการขยายตัวพร้อมกับการสร้างสรรค์รัฐที่ปกครองด้วยกฎหมายบนพื้นฐานของเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยม นั่นคือเป้าหมายเพื่อปฏิบัติยุทธศาสตร์พัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม การก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเมื่อเดือนธันวาคมปี 2015 สะท้อนวิสัยทัศน์ร่วมกันของผู้นำอาเซียนและเวียดนาม ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและวิสัยทัศน์อาเซียน 2025 คือแนวทางหลักและขั้นพื้นฐานเพื่อค้ำประกันสถานะและบทบาทของอาเซียนที่เป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออกและเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะช่วยให้เวียดนามและประเทศสมาชิกอื่นๆของอาเซียนมีความเจริญรุ่งเรืองและมีกลไกเพื่อปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค”
สำหรับหัวข้อ “ ความเป็นหนึ่งเดียวและพร้อมปรับตัว” ที่เวียดนามให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆในปีอาเซียน 2020 รัฐมนตรี เจิ่นต๊วนแองอธิบายว่า “สองประเด็นหลักในหัวข้อของปีอาเซียน 2020 คือเป้าหมายที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งมีทั้งการสานต่อแนวทางที่อาเซียนให้ความสนใจในปีก่อนๆ แสดงแนวโน้มการพัฒนาของโลก สะท้อนความต้องการภายในกลุ่มอาเซียนและความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนภายนอก ในฐานะประธานอาเซียน 2020 เวียดนามจะเสนอความคิดริเริ่ม 16-17 ข้อต่อที่ประชุมเพื่อขอความเห็นพ้องแล้วจะนำมาปฏิบัติในปี 2020 ซึ่งจะครอบคลุมทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน เทคโนโลยี การปรับปรุงกลไกและโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การเชื่อมโยงระหว่างประเทศภายในกลุ่ม”.