VIETNAM EXPO ปี 2023 ภายใต้หัวข้อ “มุ่งมั่นพัฒนาเคียงข้างกับผู้ประกอบการในยุคดิจิทัล” ได้ดึงดูดผู้ประกอบการ 500 รายจาก 15 ประเทศ เช่น สาธารณรัฐเกาหลี จีน โปแลนด์ อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ลาว คิวบา เป็นต้น เพื่อนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย โดยมีการออกบูธรวม 600 บูธ ในงานนี้มีกลุ่มผู้ประกอบการอินโดนีเซียเข้าร่วมงานทั้งหมด 4 ราย ได้แก่ บริษัท PT Delameta Bilano บริษัท PT Ocean Centra Furnindo บริษัท PT Sari Murni Abadi และบริษัท PT Istana Rempah Maju Serahtera ที่ได้นำเสนอสินค้าต่างๆ ได้แก่ เทคโนโลยีระบบควบคุม การชำระเงินค่าขนส่ง ที่นอน อาหารและเครื่องดื่ม

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม โด๋ทั้งหาย เยือนบูธของผู้ประกอบการอินโดนีเซีย (ภาพขาก KBRI)

สำหรับบริษัท PT Delameta Bilano ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับตัวเมืองอัจฉริยะหรือ smart city พร้อมเทคโนโลยีการควบคุมและการชำระเงินค่าขนส่ง บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งเมื่อปี 1990 และเป็นหนึ่งในบริษัทให้บริการระบบชำระเงินแห่งแรกในอินโดนีเซีย โดยปัจจุบัน บริษัท PT Delameta Bilano เป็นผู้ติดตั้งระบบเก็บค่าผ่านทางบนทางด่วนรวม 32 สาย พร้อมระบบบริหารจัดการการชำระเงินค่าขนส่งที่ท่าเรือหลักหลายแห่งในอินโดนีเซีย ด้วยจำนวนการประมวลผลด้านงานธุรกรรมกว่า 1.1 พันล้านครั้ง คิดเป็นร้อยละ 40 ของการทำธุรกรรมที่ชำระผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ นอกจากนี้ บริษัทกำลังพัฒนาในด้านสภาพแวดล้อมเมืองอัจฉริยะ นาย Rein Wirawan Gazalba ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการและพัฒนาของบริษัท PT Delameta Bilano เผยว่า “ในงานครั้งนี้ พวกเราได้นำผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดแข็งของบริษัทในด้านคมนาคมขนส่งมาแนะนำ ได้แก่ EncoBus และ EncoHub โดย EncoBus ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการชำระค่าขนส่งในกรุงจาการ์ตา ส่วน EncoHub เป็นอุปกรณ์รับชำระเงินที่สามารถติดตั้งในบริการขนส่ง เมืองอัจฉริยะ หรือบริการอื่น ๆ เวียดนามกำลังมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยมียานพาหนะขนส่งสาธารณะเป็นจำนวนมากและความต้องการเดินทางของประชาชนอยู่ในระดับสูง ซึ่งก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพเหมือนกรุงจาการ์ตา ดังนั้น พวกเราจึงมีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผลิตภัณฑ์ของเราจะได้รับการตอบรับที่ดีโดยเร็วในเวียดนาม”

ผลิตภัณฑ์ของบริษัท PT Rempah Maju Serahtera ที่นำเสนอในงาน

ส่วนบริษัท PT Istana Rempah Maju Serahtera เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านอาหาร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากวานิลลาเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และไทย เป็นต้น ซึ่งในการเข้าร่วมงาน VIETNAM EXPO 2023 ครั้งนี้ บริษัทฯ มีความประสงค์ที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ทำจากวานิลลาของอินโดนีเซีย นาง Fransisca เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายของบริษัทฯ เผยว่า

“พวกเราเข้าร่วมงาน VIETNAM EXPO ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการขยายตลาดเอเชีย โดยปัจจุบัน มีหลายบริษัทใช้วานิลลาเทียม ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพ พวกเราอยากแนะนำให้ลองใช้วานิลลาธรรมชาติเพราะไม่ใส่สารกันบูด ให้รสชาติที่เข้มข้นและอร่อยกว่า พวกเราหวังว่า การร่วมงานครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถขยายตลาดในเวียดนาม โดยพวกเราได้วางแผนที่จะตั้งสาขาในประเทศเวียดนามเพื่อแนะนำสินค้าของเรา”

เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศเวียดนาม Denny Abdi (ขวา) และผู้ช่วยทูตฝ่ายการพาณิชย์อินโดนีเซียประจำประเทศเวียดนาม Addy Perdana Soemantry (ซ้าย) ถ่ายรูปกับผู้ประกอบการอินโดนีเซียที่แสดงสินค้าในงาน VIETNAM EXPO 2023 (กาพจาก KBRI)

นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศเวียดนาม Denny Abdi ก็ได้ประเมินเกี่ยวกับศักยภาพของตลาดเวียดนามสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการอินโดนีเซียผ่านการเข้าร่วมงานครั้งนี้ ว่า

“บริษัทอินโดนีเซียทั้ง 4 แห่งที่เข้าร่วมงาน VIETNAM EXPO 2023 ล้วนเป็นบริษัทที่อยากเข้าถึงตลาดเวียดนามและสร้างความร่วมมือกับผู้ประกอบการเวียดนามอย่างจริงจัง โดยทั้งสองประเทศกำลังให้ความสำคัญต่อกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี ซึ่งหนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมงานครั้งนี้เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยี เพื่อช่วยเร่งกระบวนการก่อสร้างเมืองอัจฉริยะ กรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ รวมถึงเมืองอื่นๆ ในเวียดนาม ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ”

ทั้งนี้ ตามรายงานสถิติจากผู้ช่วยทูตฝ่ายการพาณิชย์อินโดนีเซียประจำประเทศเวียดนาม Addy Perdana Soemantry มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียเมื่อปี 2022 อยู่ที่ 14.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และปัจจุบันมีบริษัทสัญชาติอินโดนีเซียกำลังประกอบธุรกิจในเวียดนามเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการอินโดนีเซียและเวียดนาม จะมีการจัดงานพบปะทวิภาคีและสัมมนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์มากขึ้น นอกจากนั้น สถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียยังได้อำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการอินโดนีเซียในการลงทะเบียนเข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่างๆ ในเวียดนาม ซึ่งการเข้าร่วมงานของ 4 บริษัทอินโดนีเซียในงาน VIETNAM EXPO ครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดเด่นของอินโดนีเซียหลายรายการสามารถเข้าถึงชาวเวียดนาม และยิ่งไปกว่านั้นคือ ได้มีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการอินโดนีเซียได้จับคู่ทางธุรกิจกับคู่ค้าในเวียดนาม เพื่อสามารถบรรลุเป้าหมายมูลค่าการค้าต่างตอบแทนที่ 1 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2028.