(VOVWorld)-หมู่บ้านด่าวซ้า กรุงฮานอยอยู่ห่างจากใจกลางกรุงฮานอยไปทางทิศใต้ประมาณ๕๐กิโลเมตร ซึ่งเป็นหมู่บ้านทำการเกษตรและเป็นถิ่นกำเนิดของอาชีพทำเครื่องดนตรีพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ของเวียดนาม
นาย ด่าวซวนสวานเป็นช่างศิลป์ทำเครื่องดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ
(Photo: baoanhvietnam)
|
หมู่บ้านด่าวซ้า ตำบลดงโหล อำเภออื้งหว่า ชานเมืองกรุงฮานอยขึ้นชื่อด้วยอาชีพการทำเครื่องดนตรีพื้นเมืองของเวียดนาม เช่น ด่านเบิ่วหรือพิณสายเดียว ด่านแจงหรือพิณ ๑๖ สาย สิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้ที่ผลิตเครื่องดนตรีพื้นเมืองดังกล่าวเป็นเกษตรกร เมื่อมาถึงหมู่บ้าน นักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ได้กลิ่นหอมของไม้ทำพิณเท่านั้นหากยังได้ยินเสียงจากดนตรีพื้นเมืองต่างๆอีกด้วย
ท่านด่าวซวนลานเป็นผู้สร้างอาชีพการทำเครื่องดนตรีในหมู่บ้านด่าวซ้าเมื่อ๒๐๐ปีก่อน นับตั้งแต่ศตวรรษที่๑๙ ช่างฝีมือของหมู่บ้านด่าวซ้าได้พาครอบครัวมาอยู่อาศัยในราชธานีทังลองในอดีตหรือกรุงฮานอยในปัจจุบันเพื่อจัดตั้งกลุ่มอาชีพนี้ จากความขยันหมั่นเพียรและฝีมือดี ช่างฝีมือของหมู่บ้านด่าวซ้าได้ผลิตเครื่องดนตรีต่างๆเพื่อขายให้แก่ลูกค้า เวลาได้ผ่านพ้นไป อาชีพการทำเครื่องดนตรีของหมู่บ้านด่าวซ้านับวันยิ่งได้รับการพัฒนา ซึ่งชาวบ้านได้สดุดีท่านด่าวซวนลานเป็นบรรพบุรุษผู้ให้กำเนิดอาชีพพื้นเมือง ชาวบ้านด่าวซ้าได้ก่อสร้างวิหารบูชาผู้สร้างอาชีพพื้นเมือง โดยในวันถึงแก่อสัญกรรมของท่านในทุกๆปี ชาวบ้านจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อทำพิธีบูชา นาย ด่าวซวนมาย ลูกหลานของท่านด่าวซวนลานได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของหมู่บ้าน “ท่านด่าวซวนลานเคยเป็นช่างไม้ โดยท่านได้มีโอกาสพบปะคนต่างชาติที่มีฝีมือในการทำเครื่องดนตรี ท่านจึงศึกษาการแล้วเปลี่ยนจากอาชีพช่างไม้มาเป็นอาชีพทำเครื่องดนตรี เนื่องจากเคยเป็นช่างไม้ ท่านจึงศึกษาการทำเครื่องดนตรีได้อย่างรวดเร็ว อาชีพการทำเครื่องดนตรีสามารถช่วยท่านสร้างฐานะ ท่านได้กลับบ้านเกิดเพื่อสอนให้แก่ลูกหลาน ในจำนวนลูกศิษย์ของท่าน มีหลายคนสามารถเปิดร้านขายเครื่องดนตรีได้”
เครื่องดนตรีพื้นเมือง
|
ในช่วงที่พัฒนาที่สุดของหมู่บ้าน มีครอบครัวประกอบอาชีพนี้กว่า๕๐ครอบครัว ในประวัติศาสตร์ มีกลุ่มช่างฝีมือของหมู่บ้านได้เข้าไปทำเครื่องดนตรีในพระราชวังเว้ ปัจจุบันนี้ ในหมู่บ้าน นาย ด่าวซวนสวานเป็นช่างศิลป์ทำเครื่องดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ นายสวานเป็นผู้ที่ได้รับประกาศการเกียรติคุณเป็นช่างศิลป์พื้นเมืองของประเทศและศิลปินดีเด่นของกรุงฮานอย ในตลอด๔๐ปีที่ประกอบอาชีพ นายสวานได้เรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาของหมู่บ้าน “ในประวัติศาสตร์ของหมู่บ้าน อาชีพพื้นเมืองของหมู่บ้านพัฒนาสูงสุดในช่วงสงครามต่อต้านนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสและก่อนการปฏิวัติเดือนสิงหาคม แต่ในช่วงสงครามต่อต้านสหรัฐอเมริกา อาชีพของหมู่บ้านไม่สามารถพัฒนาได้เนื่องจากเศรษฐกิจประสบอุปสรรค หลังสงคราม ชาวบ้านต้องย้ายไปทำงานในนครโฮจิมินห์ จังหวัดแทงฮว้าและนามดิ๋ง”
ส่วนในเรื่องของตน นาย สวานได้เผยว่า อาชีพการทำเครื่องดนตรีต้องใช้ความรู้หลายอย่าง โดยช่างฝีมืออย่างน้อยต้องรู้เรื่องงานช่างไม้ ต้องมีประสาทสัมผัสทางตาและหูที่ดี ซึ่งทุกขั้นตอนในการผลิตเครื่องดนตรีต้องทำด้วยมือตามเทคนิคพื้นเมือง สิ่งที่ยากที่สุดในการทำเครื่องดนตรีก็คือ ต้องทำอย่างไรเพื่อให้เครื่องดนตรีมีเสียงที่ไพเราะ สิ่งที่แปลกใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวก็คือ ถึงแม้หมู่บ้านด่าวซ้าประกอบอาชีพการทำเครื่องดนตรีพื้นเมืองแต่ไม่มีช่างฝีมือคนใดได้รับการฝึกอบรมด้านดนตรี ซึ่งผู้ที่ประกอบอาชีพต่างทำตามประสบการณ์ของคนรุ่นก่อน ผู้เล่นดนตรีจากทั่วประเทศต่างมาที่นี่เพื่อสั่งซื้อ นายห่าว ผู้ที่ซื้อเครื่องดนตรีพื้นเมืองในถนนห่างห่อม กรุงฮานอยได้เผยว่า
“พิณของหมู่บ้านด่าวซ้ามีเอกลักษณ์พิเศษเนื่องจากช่างทำมีฝีมือดี ดังนั้น การอนุรักษ์อาชีพพื้นเมืองก็มาจากการใช้ประสาทสัมผัสทางตา หู ฝีมือที่ดีของช่างศิลป์และการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น”
ปัจจุบันนี้ หมู่บ้านด่าวซ้าได้พัฒนากว่าเมื่อก่อนแต่การใช้ชีวิตของชาวบ้านยังคงเหมือนเดิม ซึ่งชาวบ้านยังคงประกอบอาชีพพื้นเมืองและเครื่องดนตรีก็เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณของบ้านเกิด.