รองนายกรัฐมนตรีเจิ่นห่งห่าได้ย้ำว่า พายุโซนร้อนบัวลอยมีความเร็วลม 35-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังพัดถล่มฟิลิปปินส์มีความเร็วลมกระโชกเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่า จะทวีกำลังกลับขึ้นเป็นไต้ฟุ่นอีกครั้งในขณะที่เคลื่อนตัวมุ่งหน้ามายังเวียดนาม
“กระทรวงการเกษตรและสิ่งแวดล้อมและท้องถิ่นต่างๆต้องเตรียมพร้อมรับมือพายุในพื้นที่ต่างๆที่อาจได้รับผลกระทบ ส่วนสำนักงานสื่อสารมวลชน ทหารชายแดน ทหารป่าและตำรวจทะเลต้องรายงานข่าวและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับพายุให้ประชาชนได้รับทราบอย่างกว้างขวาง”
รองนายกรัฐมนตรีเจิ่นห่งห่าเผยว่า คณะกรรมการชี้นำแห่งชาติเกี่ยวกับการป้องกันและรับมือภัยพิบัติเป็นผู้ประสานงาน ส่วนกองทัพเป็นกองกำลังหลักในการประสานงานกับทางการท้องถิ่นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย.