การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ – สังคมโลกและเวียดนามในหลายด้าน แต่ในเวลาที่ผ่านมา การเข้าร่วมอย่างเข้มแข็งของทั้งระบบการเมือง ความสามัคคีและการร่วมแรงร่วมใจของประชาชนทั่วประเทศทำให้เวียดนามสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิดีโอ – 19 ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศและกำลังปฏิบัติ “ยุคชีวิตวิถีใหม่” พยายามบรรลุเป้าหมายสองอย่างคือ ควบคุมการแพร่ระบาดพร้อมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ แก้ไขอุปสรรค ผลักดันการผลิตและประกอบธุรกิจเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ควบคู่กันนั้น การที่สภาแห่งชาติเวียดนามได้อนุมัติการให้สัตยาบันข้อตกลงอีวีเอฟทีเอและอีวีไอพีเอสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเวียดนามในการปฏิรูประเบียบราชการเพื่อสร้างบรรยากาศที่อำนวยความสะดวกให้แก่สถานประกอบการ
ในการกล่าวปราศรัยในการสนทนากับสถานประกอบการยุโรปในเวียดนาม ณ กรุงฮานอยเมื่อปลายเดือนมิถุนายน นาย Nicolas Audier ประธาน EuroCham ได้เผยว่า เมื่ออีวีเอฟทีเอมีผลบังคับใช้ในเดือนสิงหาคม จะช่วยผลักดันความก้าวหน้าต่างๆในการปฏิรูประเบียบราชการ ปรับปรุงเงื่อนไขการประกอบธุรกิจ บรรยากาศการลงทุนและกฎหมายของเวียดนามให้มีความสมบูรณ์ นาย Nicolas Audier ยืนยันว่า ในขณะที่ประเทศต่างๆในทั่วโลกกำลังต้องรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 แต่เวียดนามรับโอกาสทองจากอีวีเอฟทีเอและสามารถดึงดูดเงินลุงทุนจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอจากสถานประกอบการยุโรปที่กำลังแสวงหาตลาดเปิดกว้างมีโอกาสในการแข่งขันและเป็นมิตร “อีวีเอฟทีเอจะช่วยให้เราผลักดันการค้าและการลงทุนระหว่างสองฝ่ายมากขึ้น เพื่อดึงดูดการลงทุนเข้าเวียดนาม จำเป็นต้องให้การช่วยเหลือสถานประกอบการทั้งภายในและต่างประเทศเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเวียดนามพัฒนาและช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ”
การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผลให้การพยากรณ์เกี่ยวกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2020 บรรลุร้อยละ 2.7 ถึง 4.9 เท่านั้น แต่องค์กรระหว่างประเทศต่างชื่นชมเวียดนามว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่จะมีอัตราการขยายตัวเป็นบวกและได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 น้อยกว่าประเทศอื่นๆ นาย มายเตี๊ยนหยุง รัฐมนตรีและหัวหน้าสำนักรัฐบาล ประธานสภาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการปฏิรูประเบียบราชการของนายกรัฐมนตรีเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้ลดเงื่อนไขการประกอบธุรกิจอีก 239 ข้อ และในเร็วๆนี้จะพัฒนาระบบทำระเบียบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานระหว่างประเทศและปฏิรูปการตรวจสอบเชิงวิชาการตามแนวทางให้สำนักงานศุลกากรเป็นศูนย์ตรวจสอบในจุดผ่านแดนต่างๆ นอกจากนี้รัฐบาลได้ประกาศมติเกี่ยวกับการปฏิบัติการปฏิรูประเบียบราชการอิเล็กทรอนิกส์และมติเกี่ยวกับโครงการตัดลดระเบียบการที่เกี่ยวข้องถึงการประกอบธุรกิจช่วงปี 2020 ถึงปี 2025 ให้เหลือน้อยที่สุด นาย มายเตี๊ยนหยุง ย้ำว่า ควบคู่กับการปฏิบัติอีวีเอฟทีเอ การตัดลดระเบียบราชการจะช่วยให้สถานประกอบการต่างประเทศทราบว่า เวียดนามเป็นจุดนัดพบที่น่าสนใจในการลงทุนที่ยั่งยืน “ในช่วงปี 2020-2025 เวียดนามจะตัดลดข้อกำหนดอีกร้อยละ 20 และลดค่าธรรมเนียมต่างๆให้แก่สถานประกอบการร้อยละ 20 มีการแก้ไขปรับปรุงระเบียบราชการและการให้บริการ One Stop Service ปัจจุบันนี้มีจังหวัดและนคร 58 แห่งจากจำนวนทั้งหมด 63แห่งได้จัดตั้งศูนย์ราชการที่สามารถทำระเบียบราชการได้ประมาณเกือบร้อยละ 96 รายการโดยเฉพาะปัจจุบันนี้ การบริการสาธารณะออนไลน์ในเว็บไซต์บริการสาธารณะแห่งชาติของเวียดนามได้เพิ่มขึ้นเป็น 725 รายการ”
ถึงแม้ข้อตกลงอีวีเอฟทีเอจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมแต่เมื่อต้นปีนี้ ชมรมสถานประกอบการและรัฐบาลเวียดนามได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อปฏิบัติข้อตกลงดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ นาย เหงียนดิ่งกุง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ หัวหน้าสถาบันวิจัยการบริหารเศรษฐกิจส่วนกลางแสดงความคิดเห็นว่า เวียดนามตั้งความหวังเป็นอย่างมากต่อข้อตกลงอีวีเอฟทีเอ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่เสมอต้นเสมอปลายของเราในการเป็นฝ่ายรุกผสมผสานเข้ากับกระแสโลกและเปิดประเทศ 2 คือความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุด โดยเฉพาะการดึงดูดลงทุนจากต่างประเทศเพื่อปฏิรูปโครงสร้างตลาด ผลิตภัณฑ์และการผลิตของเศรษฐกิจเวียดนาม
“หลังการแพร่ระบาดของโรค covid-19 เราก็เห็นโอกาสใหม่คือนักลงทุน รวมทั้งนักลงทุนของ EU ได้ย้ายฐานการลงทุน ส่งผลให้โครงสร้างมูลค่าโลกมีการเปลี่ยนแปลง การย้ายฐานการผลิตออกจากจีนก็เพื่อลดความเสี่ยงเกี่ยวกับการพึ่งพาตลาดแห่งเดียว นี่ยังเป็นโอกาสให้เวียดนามเปิดรับการลงทุนจาก EU เพราะว่าอียูและสหรัฐเป็นตลาดที่เราเน้นดึงดูดการลงทุน”
จากพื้นฐานที่มั่นคงหลังการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นเวลา 30 ปี การปฏิบัติข้อตกลงอีวีเอฟทีเอและข้อตกลงอีวีไอพีเอในเร็วๆนี้จะสร้างกรอบนิตินัยที่มั่นคงและยาวนานเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายใช้ศักยภาพความร่วมมืออย่างจริงจัง ยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนให้ทัดเทียมกับความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับ EU.