(VOVworld) – 20 ปีนับตั้งแต่เวียดนามและสหรัฐปรับความสัมพันธ์ทางการทูตให้เป็นปกติ ความสัมพันธ์สองประเทศได้รับการขยายในหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ส่วนการแลกเปลี่ยนการค้าระหว่างสองประเทศได้มีการขยายตัวที่น่าประทับใจและปัจจุบัน สหรัฐเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม
มูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปีต่อๆไป
|
ในหลายปีที่ผ่านมา ความร่วมมือด้านการค้าระหว่างเวียดนามกับสหรัฐได้ประสบก้าวพัฒนาที่น่ายินดีโดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้รับการธำรงและพัฒนา เมื่อปี 2002 มูลค่าการนำเข้าส่งออกระหว่างเวียดนาม-สหรัฐบรรลุเกือบ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น แต่ถึงปี 2014 ตัวเลขดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นประมาณ 12 เท่า คิดเป็น 3หมื่น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนเมื่อปี 2000 เวียดนามได้มีส่วนร่วมเพียงร้อยละ 1 ในมูลค่าการส่งออกของอาเซียนไปยังสหรัฐเท่านั้น แต่จนถึงสิ้นปี 2014 เวียดนามได้มีส่วนร่วมถึงร้อยละ 22 เพิ่มขึ้นเกือบ 36 เท่าของยอดมูลค่าการส่งออกของอาเซียนไปยังสหรัฐและทำให้เวียดนามแซงหน้าคู่แข่งในภูมิภาคเป็นครั้งแรก กลายเป็นประเทศส่งออกรายใหญ่ที่สุดของภูมิภาคไปยังตลาดสหรัฐ
ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ มูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปีต่อๆไป จนถึงปี 2020 มูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังสหรัฐจะบรรลุเกือบ 5 หมื่น 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นกว่าร้อยละ 34 ของยอดมูลค่าการส่งออกของภูมิภาคอาเซียนไปยังตลาดนี้ นาย กู่ชี้เหล่ย หัวหน้าสถาบันวิจัยทวีปอเมริกาได้เผยว่า“เศรษฐกิจสหรัฐได้ผ่านพ้นวิกฤตและเข้าสู่ระยะแห่งการฟื้นตัวและพัฒนาซึ่งโอกาสการส่งออกสินค้าเวียดนามไปยังสหรัฐจะอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ เพราะถ้าหากเศรษฐกิจสหรัฐพัฒนา การบริโภคภายในประเทศก็จะเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อสินค้าเวียดนามให้สามารถเจาะตลาดสหรัฐได้สูงขึ้นในปี 2015เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ”
กลุ่มบริษัท Intel ได้ลงทุนประกอบธุรกิจในเวียดนาม
|
นอกจากความสัมพันธ์ด้านการค้าแล้ว สหรัฐยังเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนลงทุนรายใหญ่ของเวียดนาม จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 สหรัฐมี 729 โครงการลงทุนในเวียดนาม รวมยอดเงินลงทุนประมาณ 1 หมื่น 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ อยู่อันดับ 7 ในจำนวน 101 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนโดยตรงในเวียดนาม ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทใหญ่ๆของสหรัฐหลายแห่ง เช่น Intel Microsoft IBM Ford Cocacola PepsiCo Cargill และ P&G ได้ลงทุนประกอบธุรกิจในเวียดนามซึ่งในนั้น มี 2 กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐคือ Intel และ Microsoft กำลังมีโครงการใหญ่ๆเพื่อผลักดันการลงทุนและใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตสำคัญ นาง Sherry Boger นายกสมาคมผู้ประกอบการสหรัฐในเวียดนามได้แสดงความเห็นว่า เวียดนามคือจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพราะอยู่ในเส้นทางการค้าสำคัญ มีค่าจ้างแรงงานถูกและมีศักยภาพการขยายตัวที่สดใส ศักยภาพความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศยังมีมากมายที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีในเวลาที่จะถึงผ่านข้อตกลงการค้าเสรี ตลอดจนความพยายามปรับปรุงบรรยากาศการประกอบธุรกิจของเวียดนาม“พวกเราหวังว่า เวียดนามและสหรัฐจะประสบความสำเร็จในการเจรจา พวกเราสนับสนุนทีพีพีเพราะข้อตกลงฉบับนี้จะสร้างพื้นฐานให้แก่การผสมผสานเข้ากับกระแสภูมิภาค ผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ความร่วมมือในทีพีพีจะกลายเป็นพื้นฐานและพลังขับเคลื่อนให้แก่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านเวียดนาม-สหรัฐ บรรดาผู้ประกอบการสหรัฐมีความประสงค์ว่า การเจรจาทีพีพีจะประสบความสำเร็จโดยเร็วและบรรดาผู้ประกอบการสหรัฐกำลังแสวงหาโอกาสการลงทุนและพัฒนาในเวียดนาม”
ถ้าหากมองในภาพรวมจะเห็นว่า ศักยภาพและโอกาสขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างเวียดนามกับสหรัฐยังมีอีกมากซึ่งสถานประกอบการของทั้งสองประเทศกำลังรอคอยข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพีเพราะข้อตกลงนี้จะเปิดโอกาสที่กว้างมากขึ้นในการเจาะตลาดและเพิ่มระดับความร่วมมือระหว่างนักลงทุนของเวียดนามกับสหรัฐในเวลาที่จะถึง นาย หวูเตี๊ยนหลก ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามได้แสดงความเห็นว่า“ผมคิดว่าจะมีการพัฒนาที่เป็นก้าวกระโดดในความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย พวกเราหวังว่า ในระยะสั้น สหรัฐจะกลายเป็นนักลงทุนและหุ้นส่วนนำเข้าส่งออกอันดับ 1 ของเวียดนาม ปัจจุบัน เวียดนามกำลังอยู่ในกระบวนการปรับปรุงโครงสร้างและพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย สหรัฐมีเทคโนโลยีชั้นนำในหลายด้านและศักยภาพด้านการเงินของสถานประกอบการสหรัฐอยู่ในระดับสูง ดังนั้น ในเวลาที่จะถึง แนวโน้มที่สหรัฐจะขยายการลงทุนในเวียดนามในด้านการเงิน ธนาคารและประกันภัย ในด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ อิเล็กทรอนิกส์ การเกษตร การค้าและการท่องเที่ยวจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว”
บรรดาผู้เชี่ยวชาญในด้านเศรษฐกิจได้พยากรณ์ว่า มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในปี 2015 จะสูงกว่าตัวเลข 3 หมื่น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐของปี 2014 เพราะเวียดนามกำลังปฏิรูประเบียบราชการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งกำลังปรับปรุงเทคโนโลยีและยกระดับคุณภาพสินค้าส่งออก นอกจากนั้น กระแสการลงทุนจากสหรัฐที่ไหลเข้ามาเวียดนามในเวลาที่จะถึง พร้อมกับการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศในตลอด 20 ปีที่ผ่านมาจะเป็นพื้นฐานที่สร้างความคาดหวังว่า ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างเวียดนามกับสหรัฐจะบรรลุก้าวกระโดดในเวลาที่จะถึง.