Momo ของเวียดนามกลายเป็นยูนิคอนของสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่มีมูลค่านับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ (MoMo) |
นาย ฝ่ามต๊วนเหียบ ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจสตาร์ทอัพนวัตกรรมและสมาชิกของสภาให้คำปรึกษาของโครงการ 844 ที่ “สนับสนุนระบบนิเวศสตาร์ทอัพเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรมแห่งชาติถึงปี 2025” ได้เผยว่า แหล่งเงินลงทุนให้แก่ระบบนิเวศสตาร์ทอัพนวัตกรรมในเวียดนามกำลังเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2020 การทำธุรกิจสตาร์ทอัพมียอดเงินลงทุนประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐและถึงปี 2021 เงินทุนเหล่านี้ได้เพิ่มขึ้นถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่า 3 เท่าท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างซับซ้อนของโรคโควิด -19 ซึ่งยอดเงินลงทุนที่สูงนี้ยังคงเป็นหนึ่งในหลายเงื่อนไขที่เอื้อให้ระบบนิเวศสตาร์ทอัพในเวียดนามพัฒนาอย่างต่อเนื่อง “เรามีบริษัทสตาร์ทอัพ 3,000 แห่ง มี 57 จังหวัดและนครเข้าร่วมโครงการนี้และมีกองทุนสนับสนุนการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ 208 กองทุน นอกจากนี้ ยังมีกองทุนจากต่างประเทศเปิดสำนักงานตัวแทนในเวียดนามอีกจำนวนมาก ซึ่งทั้งระบบนี้ได้ดำเนินการเพื่อปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรมและทำธุรกิจสตาร์ทอัพ”
ตามรายงานเชิงวิชาการเกี่ยวกับการทำธุรกิจสตาร์ทอัพนวัตกรรม นักลงทุนต่างชาติรายใหญ่มีแนวโน้มเน้นก่อสร้างศูนย์เทคโนโลยีในเวียดนามเพื่อลงทุนด้านเทคโนโลยี พร้อมทั้งพัฒนาระบบพื้นฐาน R&D ในเวียดนาม นี่เป็นแนวโน้มที่เอื้อประโยชน์ต่อระบบนิเวศสตาร์ทอัพเป็นอย่างมากในขณะที่การจัดทำกลไกและนโยบายเกี่ยวกับการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมนับวันมีประสิทธิภาพมากขึ้น นาย เงวียนหิวเลือง รองผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนสถานประกอบการกรุงฮานอยยืนยันว่า “นับวันเราสามารถเห็นได้ชัดเจนเกี่ยวกับการดูแลเอาใจใส่ของพรรค รัฐบาล กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่อชุมชนสถานประกอบการสตาร์ทอัพนวัตกรรม โดยโครงการและนโยบายนับวันเป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์มากขึ้น อาจกล่าวได้ว่า เราได้พยายามในด้านนโยบายเป็นอย่างมาก”
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านนี้ได้ย้ำว่า เงื่อนไขและพื้นฐานดังกล่าวแค่เป็นเงื่อนไขที่จำเป็น ที่ยังไม่สามารถค้ำประกันให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จทั้งหมด โดยสตาร์ทอัพจะคงอยู่และพัฒนาได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความพยายาม ซึ่งหมายความว่า สตาร์ทอัพต้องใช้โอกาสอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนา คุณ เหงียนห่งลี ประธานสภาผู้บริหารบริษัทหุ้นส่วน Komtek และที่ปรึกษาประจำในด้านธุรกิจสตาร์ทอัพของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ยืนยันว่า “กลไกของรัฐในปัจจุบันดีมาก เรามีโครงการ 844 และโครงการสตาร์ทอัพแห่งชาติต่างๆ ดังนั้น ไม่ควรรอคอยความช่วยเหลือในด้านเงินทุนจากภาครัฐมากเกินไปเพราะต้องตระหนักว่า การทำธุรกิจสตาร์ทอัพไม่ใช่เรื่องของรัฐ รัฐแค่สนับสนุนในด้านนโยบายเท่านั้น อาจกล่าวได้ว่า เงื่อนไขในขณะนี้เกี่ยวกับกลไกและนโยบายสำหรับการทำธุรกิจสตาร์ทอัพสมบูรณ์แล้ว ดังนั้น สตาร์ทอัพจะคงอยู่และพัฒนาได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการปรับตัว”
เชื่อว่า แรงบันดาลใจจากความสำเร็จของสถานประกอบการสตาร์ทอัพนวัตกรรมต่างๆในเวลาที่ผ่านมา เช่น ล่าสุดคือการที่ Momo ของเวียดนามได้กลายเป็นยูนิคอนของสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่มีมูลค่านับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ สถานประกอบการสตาร์ทอัพต่างๆจะใช้โอกาสนี้ได้อย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาและเป็นจุดเด่นที่น่าประทับใจของเศรษฐกิจเวียดนามต่อไปในเวลาที่จะถึง.