ฟาร์มชีวภาพ Vinamilk Green Farm (VNA) |
การพัฒนาอย่างต่อเนื่องในตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาได้ช่วยให้บริษัทหุ้นส่วนนมเวียดนามหรือวีนามิลก์เป็นเครื่องหมายการค้าที่เข้มแข็งและได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งนอกจากให้ความสนใจถึงการยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์แล้ว ทางบริษัทฯ ยังเน้นถึงการพัฒนาแห่งสีเขียว โดยก่อสร้างฟาร์มชีวภาพ Vinamilk Green Farm ตามมาตรฐาน Global GAP โดยใช้เงินลุงทุนเบื้องต้นกว่า 3 ล้านล้านด่งหรือ 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งปฏิบัติการผลิตแบบอินทรีย์ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีหรือสารกำจัดศัตรูพืชและฟื้นฟูที่ดินแบบครบวงจรเพื่อสามารถจัดการทรัพยากรได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ทางบริษัทยังปลูกต้นไม้ในพื้นที่ของฟาร์มกว่าร้อยละ 70 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้อยู่ที่ 0% ภายในปี 2050 ตามคำมั่นของเวียดนามในการประชุม COP26 นาย เหงียนก๊วกแค้ง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารแผนกวิจัยและพัฒนาของบริษัทฯ กล่าวว่า “ระบบ Green Farm ของวีนามิลก์เป็นตัวอย่างแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งในการผลิตเกษตรแบบครบวงจรนั้น เราได้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เทคโนโลยีที่ทันสมัย atomic- carbon อินทรีย์เพื่อลดก๊าซมีเทน และกำจัดกลิ่นเหม็นในฟาร์ม และปฏิบัติกิจกรรมต่างๆเพื่อช่วยให้ชุมชนพัฒนาอย่างยั่งยืน”
เช่นเดียวกันกับบริษัทวีนามิลก์ มีสถานประกอบการเวียดนามอีกหลายแห่งที่เป็นฝ่ายรุกปรับเปลี่ยนมาสู่การผลิตตามแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจนประสบความสำเร็จเช่น บริษัทหุ้นส่วนสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป – การลงทุนและการค้าแถ่งกง หรือ TCM ได้ลงทุนก่อสร้างห้องแล็บเพื่อวิจัยวัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับการผลิตสินค้าแฟชั่น ส่วนบริษัท Vinatex ก็ได้เน้นทำผลิตภัณฑ์จากเส้นด้ายที่เป็นวัสดุรีไซเคิลหรือออร์แกนิค ส่วนตัวโรงงานผลิตมีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อตอบสนองข้อกำหนดของตลาดส่งออกใหญ่ ๆ ที่ให้โรงงานต้องใช้พลังงานสะอาดอย่างน้อยร้อยละ 20 นาง เหงียนถิเลียน รองผู้อำนวยการบริษัทหุ้นส่วนฟองฟู้ระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปเผยว่า
“ถ้าหากสถานประกอบการไม่เป็นฝ่ายรุกในการพัฒนาให้สอดคล้องกับเงื่อนไขในยุคใหม่ก็จะไม่มีใบสั่งซื้อ ปัจจุบัน เราภูมิใจที่ไม่ต้องปรับลดแรงงาน แถมยังสามารถจ้างแรงงานเพิ่มได้อีกด้วยด้”
ถึงแม้ได้พยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ปัจจุบันนี้ ยังก็ยังคงมีสถานประกอบการเวียดนามหลายแห่งที่ประสบอุปสรรคในการปรับเปลี่ยนการผลิตและประกอบธุรกิจตามแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสาเหตุมาจากความตระหนักในเรื่องดังกล่าวที่ยังไม่มากพอเกี่ยวกับการพัฒนาแห่งสีเขียว การประกอบธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ดังนั้น ภาครัฐจึงได้ออกกฎหมายฉบับต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศการประกอบธุรกิจแห่งสีเขียวและอำนวยความสะดวกให้แก่สถานประกอบการที่ประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ นาย เหงียนกวางวิงห์ รองประธานสหพันธ์การค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามหรือวีซีซีไอกล่าวว่า
“ในระเบียบวาระฟอรั่มสถานประกอบการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ทางสหพันธ์ฯ ได้ประสานงานกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินพร้อมกับสถานประกอบการเพื่อเปิดฟอรั่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการสนทนาระหว่างสถานประกอบการกับสำนักงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเสนอรูปแบบการประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบเพื่อให้สถานประกอบการสามารถเรียนรู้ปฏิบัติตาม ถ่ายทอดประสบการ์แห่งความสำเร็จและบทเรียนแห่งความพ่ายแพ้ของสถานประกอบการต่างๆ เพื่อเสนอรูปแบบการประกอบธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ”
การพัฒนาแห่งสีเขียวจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืนของชมรมสถานประกอบการ ซึ่งเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและค้ำประกันข้อกำหนดต่างๆ ในข้อตกลงการค้าเสรีรุ่นใหม่ สถานประกอบการเวียดนามกำลังพยายามสร้างสรรค์คุณค่าหลักๆ เพื่อพัฒนาสถานประกอบการอย่างยั่งยืน รวมถึงการสร้างจรรยาบรรณทางธุรกิจ ปกป้องผู้บริโภค สิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการผสมผสานเข้ากับห่วงโซ่มูลค่าโลกอย่างดีที่สุด.