เมื่อค่ำวันที่ 22 มีนาคม กลุ่มก่อการร้ายได้บุกเข้าไปกราดยิงที่ศูนย์จัดแสดงคอนเสิร์ตโครคัส ในเขตชานเมืองกรุงมอสโคว์ในขณะที่มีประชาชนนับพันคนเข้าไปชมคอนเสิร์ต ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 137 คนและได้รับบาดเจ็บนับร้อยคน นี่เป็นเหตุก่อการร้ายที่นองเลือดที่สุดในรัสเซียในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา
ความสามัคคีกับประชาชนรัสเซีย
ภายหลังเหตุก่อการร้ายไม่กี่ชั่วโมง กลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสและกลุ่มรัฐอิสลาม สาขาอัฟกานิสถาน หรือ ISIS-K ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีดังกล่าว ภายหลัง 12 ชั่งโมงที่เกิดเหตุโจมตีดังกล่าว กองกำลังรักษาความมั่นคงของรัสเซียได้เปิดยุทธนาการกวาดล้างในขอบเขตใหญ่และจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย 11 คน ซึ่งรวมถึงผู้ต้องสงสัย 4 คนที่ทำการกราดยิงใส่ฝูงชน นาย วลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้ประกาศว่า จะทำการสืบสวนและนำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุก่อการร้ายดังกล่าวมาลงโทษ บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงระหว่างประเทศเผยว่า การที่กลุ่มก่อการร้าย โดยเฉพาะกลุ่มไอเอสเปิดการโจมตีใส่รัสเซียเป็นสิ่งที่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า สาเหตุของการโจมตีดังกล่าวก็คือทางการรัสเซียสนับสนุนซีเรียในการทำลายกลุ่มไอเอสในภาคเหนือของซีเรียในยุทธนาการทางทหารตั้งแต่ปี 2015 กลุ่ม ISIS-K กำลังพยายามขยายอิทธิพลเนื่องจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ในอัฟกานิสถานลดลง ก่อนการโจมตีในรัสเซีย กลุ่ม ISIS-K เป็นผู้ก่อเหตุโจมตีก่อการร้ายในอิหร่านเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 คน ก่อนเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 22 มีนาคมกว่า 2 สัปดาห์ หน่วยข่าวกรองสหรัฐได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงที่รุนแรงในรัสเซีย แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคำเตือนต่างๆแต่การโจมตีก่อการร้ายที่นองเลือดในเขตชานเมืองกรุงมอสโคว์ยังคงสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาคมโลกเนื่องจากความเสียหายด้านชีวิต หลายประเทศได้แสดงความเสียใจต่อความสูญเสียของประชาชนรัสเซีย พร้อมทั้งยืนยันว่า การต่อต้านการก่อการร้ายเป็นหน้าที่ร่วมของมนุษยชาติ นาย เรเจป ทายยิป แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกีได้ประกาศว่า
“ลัทธิการก่อการร้ายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ไม่ว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นใครหรือมาจากไหนก็ตาม จากการเป็นประเทศที่เคยได้รับความเสียหายจากเหตุก่อการร้ายที่นองเลือด พวกเราขอแบ่งเบาความปวดร้าวกับประชาชนรัสเซีย พวกเรายืนหยัดการต่อต้านลัทธิการก่อการร้าย ซึ่งเป็นศัตรูร่วมของมนุษยชาติ”
ส่วนประธานาธิบดี วลาดีเมียร์ ปูตินได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆร่วมกันขจัดลัทธิการก่อการร้ายระหว่างประเทศ
“พวกเรารู้ดีถึงภัยคุกคามจากการก่อการร้าย พวกเรารอคอยความร่วมมือกับทุกประเทศที่แบ่งเบาความปวดร้าวกับพวกเราและพร้อมเข้าร่วมการต่อต้านการก่อการร้าย ผู้ก่อการร้ายจะต้องถูกลงโทษอย่างสาสม”
ความเสี่ยงเกี่ยวกับการก่อการร้ายบานปลาย
การโจมตีการก่อการร้ายในเขตชานเมืองกรุงมอสโคว์ได้แสดงให้เห็นว่า ลัทธิการก่อการร้ายยังคงเป็นหนึ่งในภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ใหญ่ที่สุดของหลายประเทศแม้กลุ่มไอเอสได้รับความเสียหายหลังยุทธนาการกวาดล้างของประเทศต่างๆนับตั้งแต่ปี 2015 นาย Colin P.Clarke นักวิเคราะห์เกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้ายของบริษัทให้คำปรึกษาด้านความมั่นคง Soufan Groupที่มีสำนักงานในสหรัฐเผยว่า แม้ถูกขับไล่ออกจากซีเรียและอิรักและการเคลื่อนไหวถูกจำกัดในอัฟกานิสถานแต่ยังมีความเป็นไปได้ที่กลุ่ม ISIS-K จะเปิดการโจมตีใส่เป้าหมายต่างๆในโลก แต่อย่างไรก็ดี เนื่องจากประเทศตะวันตกเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงและเปิดการโจมตีต่างๆ ทำให้กลุ่ม ISIS-K มีโอกาสน้อยในการโจมตีประเทศตะวันตกต่างๆ จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปยังประเทศอื่น เช่น อิหร่าน รัสเซียและปากีสถาน แต่ถึงกระนั้น ความเสี่ยงที่จะเกิดการโจมตีก่อการร้ายในประเทศตะวันตกยังสูงมาก ในการไต่ถามต่อคณะกรรมาธิการการทหารของสภาล่างสหรัฐ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม นายพล Michael Kurilla ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐหรือ CENTCOM ได้ให้ข้อสังเกตว่า
“กลุ่มไอเอสกำลังขยายการเคลื่อนไหวและเปิดการโจมตีในอิรักและซีเรียเมื่อต้นปีนี้และความเสี่ยงจากการโจมตีก่อการร้ายที่มาจากอัฟกานิสถานกำลังเพิ่มขึ้น ผมให้ข้อสังเกตว่า กลุ่ม ISIS-K มีแผนการการโจมตีผลประโยชน์ของรัสเซียและฝ่ายตะวันตกในต่างประเทศในอีก 6 เดือนข้างหน้า ”
เพื่อรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าว ประเทศตะวันตกกำลังเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความมั่นคง ภายหลังการโจมตีก่อการร้ายในกรุงมอสโคว์ ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกปีนี้ได้ยกระดับคำเตือนด้านความมั่นคงขึ้นเป็นระดับสูงสุด นาย เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้เผยว่า สำนักงานรักษาความมั่นคงของฝรั่งเศสได้ทำลายแผนการโจมตีก่อการร้ายของลุ่มไอเอสในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาแต่เหตุก่อการร้ายในรัสเซียเป็นการแสดงให้เห็นว่า ฝรั่งเศสยังคงต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากการก่อการร้าย โดยเฉพาะในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจะถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกนอกสนามกีฬา.