( VOVworld )- การที่ท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศพร้อมคณะผู้แทนเวียดนามเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกครั้งที่ ๒๑ หรือเอเปก๒๑ ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซียในวันที่ ๗ และ ๘ ตุลาคมนี้เป็นการส่งสานส์ที่ชัดเจนว่า เอเปกเป็นฟอรั่มสำคัญซึ่งไม่เพียงแต่ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ การต่างประเทศและความมั่นคงของเวียดนามเท่านั้น หากยังเป็นช่องทางผลักดันความร่วมมือและพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างเวียดนามกับประเทศสมาชิกซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์และหุ้นส่วนในทุกด้านกับเวียดนามอย่างกว้างลึกมากขึ้น
|
| ท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศเดินทางถึงอินโดนีเซียเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปก |
เอเปก ๒๑คือ แรงกระตุ้นแก่การผสมผสานและความเชื่อมโยงในภูมิภาค
เขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกหรือเอเปกได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๑๙๘๙ ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจเปิดเพื่อดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจ การส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างเศรษฐกิจสมาชิกอย่างสมัครใจในขณะก็เปิดกว้างรับประเทศในภูมิภาคอื่นเข้าร่วมด้วย ปัจจุบัน เอเปกมีเศรษฐกิจสมาชิก ๒๑ สมาชิก รวมพื้นที่ประมาณร้อยละ ๕๒ ของโลก ประชากรเป็นร้อยละ ๕๙ ของประชากรโลก มีทรัพยากรธรรมชาติเป็นร้อยละ ๗๐ ของโลกและจีดีพีคิดเป็นร้อยละ ๕๗ ของจีดีพีโลก ส่วนมูลค่าการค้าคิดเป็นร้อยละกว่า ๕๐ ของโลก
หัวข้อหลักของการประชุมปีนี้คือ "เอเชียแปซิฟิกที่แข็งแกร่ง แรงขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก" โดยที่ประชุมจะหารือประเด็นหลักที่ให้ความสำคัญคือ สถานการณ์โลกในปัจจุบันและบทบาทของเอเปกในการผลักดันระบบการค้าพหุภาคี วิสัยทัศน์ของเอเปกเกี่ยวกับการเชื่อมโยงในภูมิภาคและโลก การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยความเท่าเทียม ความมั่นคงด้านอาหาร แหล่งน้ำและพลังงาน บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจโลกเห็นว่า ระเบียบวาระทางเศรษฐกิจในการประชุมครั้งนี้กับการประชุมผู้นำเอเชียตะวันออกหรืออีเอเอสที่มีผู้นำประเทศเข้าร่วมหารือถึงความมั่นคงและเศรษฐกิจนั้น ทำให้มีความคาดหวังว่าจะสร้างก้าวกระโดดก้าวใหม่แก่การผสมผสานและความเชื่อมโยงในภูมิภาคอย่างรวดเร็วมากขึ้น นายบุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการต่างประเทศเวียดนามเปิดเผยว่า “ การประชุมครั้งนี้จะมีส่วนร่วมไม่เพียงแต่ต่อเศรษฐกิจสมาชิกเท่านั้น หากรวมถึงเศรษฐกิจโลกอีกด้วยจึงมีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในภาพรวมของภูมิภาคทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตรวจการปฏิบัติเป้าหมายโบกอร์ในการผลักดันการค้าและการลงทุนในภูมิภาค ”
เวียดนามเดินหน้าในกระบวนการผสมผสานเข้ากับโลก
สำหรับเวียดนามนั้น ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกของเอเปกเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๑๙๙๘ มาจนถึงปัจจุบัน เวียดนามได้เป็นสมาชิกที่กระตือรือร้น มีความรับผิดชอบและเดินหน้าในการกิจกรรมร่วมมือในเอเปก ทั้งนี้ได้ช่วยยกระดับสถานะของประเทศให้นับวันสูงเด่นบนเวทีภูมิภาคและโลก อีกทั้งมีส่วนร่วมผลักดันให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีกับหุ้นส่วนสำคัญในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกพัฒนาอย่างรวดเร็ว เวียดนามได้เดินหน้าเสนอข้อคิดริเริ่มต่างๆและได้รับตำแหน่งผู้ประสานงานหน่วยงานดูแลปัญหาการรับมือกับภาวะฉุกเฉิน หน่วยปฏิบัติการเกี่ยวกับการค้าอิเล็กทรอนิกหรืออีคอมเมอร์ซ การปฏิบัติข้อคิดริเริ่มกว่า ๗๐ ข้อในด้านการค้า การลงทุน ร่วมมือทางเทคนิก สาธารณสุขและการรับมือกับภาวะฉุกเฉินและการต่อต้านการก่อการร้ายประสบความสำเร็จ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศบุ่ยแทงเซินเปิดเผยต่อไปว่า “ เวียดนามได้รับประโยชน์โดยตรงจากเอเปกซึ่งเห็นได้ชัดคือ การลงทุนจากเศรษฐกิจสมาชิกเอเปกเข้าเวียดนามเป็นร้อยละ ๖๕ ของการลงทุนจากต่างประเทศเข้าเวียดนาม เวียดนามส่งออกสินค้าเข้าเศรษฐกิจสมาชิกเอเปกเป็นร้อยละ ๖๐ นักท่องเที่ยวจากเอเปกเข้าเวียดนามเป็นร้อยละ๗๐ จากทั้งหมด และนี่ยังเป็นภูมิภาคที่เวียดนามมีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์และหุ้นส่วนในทุกด้านกับหลายเศรษฐกิจสมาชิก ทั้งนี้และทั้งนั้นทำให้เราได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของเอเปกอย่างเป็นฝ่ายรุก ”
เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของเอเปกจะมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน เทคโนโลยีที่ทันสมัยและประสบการณ์ในการบริหารผ่านโครงการลงทุนและการค้ากับเศรษฐกิจสมาชิกรวมทั้งเศรษฐกิจชั้นนำของโลก การเข้าร่วมกิจกรรมของเอเปกเป็นประจำทุกปีจะทำให้เวียดนามสามารถเชื่อมโยงกับชมรมนักธุรกิจในภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานของความร่วมมือต่างเอื้อประโยชน์ให้แก่กัน จากสถานการณ์โลกและภูมิภาคที่มีการผันผวนอย่างคาดไม่ถึงในปัจจุบัน เวียดนามจะพยายามร่วมกับเศรษฐกิจสมาชิกจนสุดความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ร่วม ซึ่งท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศได้ยืนยันทัศนคติดังกล่าวของเวียดนามในการประชุมผู้นำเอเปกปี ๒๐๑๒ ณ รัสเซียว่า “ เวียดนามกำลังก้าวเข้าระยะการปฏิบัติยุทธศาสตร์การพัฒนาใหม่คือ ปรับปรุงในทุกด้านเช่นการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจและเดินหน้าผสมผสานเข้ากับกระโลกอย่างกว้างลึก รวมทั้งการผสมผสานเข้ากับเศรษฐกิจซึ่งเป็นพื้นฐานเพื่อปฏิบัติการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เอเชีย-แปซิฟิกและฟอรั่มเอเปกมีความสำคัญยิ่งต่อเวียดนาม ”
เวียดนามจะพยายามผลักดันความร่วมมือหลายฝ่าย
ในสองวันที่เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกครั้งที่ ๒๑ ท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศจะเข้าร่วมการประชุมครบองค์ การสนทนาตามหน่วย การพบปะระดับสูงและการพบปะทวิภาคีกับบรรดาผู้นำเศรษฐกิจสมาชิกเพื่อปฏิบัติแนวทางของการประชุมใหญ่พรรคสมัยที่ ๑๑เกี่ยวกับการเดินหน้าผสมผสานเข้ากับโลกอย่างแข็งขัน อันเป็นการสะท้อนนโยบายให้ความสำคัญและส่งเสริมบทบาทของเวียดนามในระเบียบความร่วมมือภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีกับประเทศแกนนำของเอเปก อีกทั้งยังเป็นโอกาสแสวงหาโครงการร่วมมือของเอเปกที่เหมาะสมสำหรับเวียดนามเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจมหภาคอย่างมีเสถียรภาพเพื่อเป้าหมายพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมและการปรับปรุงรูปแบบการเจริญเติบโตด้วย ./.