นาย วินนี ลอเรีย ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของกองทุนลงทุน Golden Gate Ventures (baodautu.vn) |
รายงานนวัตกรรมปี 2022 ของแพลตฟอร์มเชื่อมโยงนวัตกรรม BambuUP ได้จัดอันดับให้เวียดนามเลื่อนขึ้นจากอันดับที่ 83 ในปี 2020 และปี 2021 มาอยู่อันดับที่ 51 ในปี 2022 กลไกและนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆได้สร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนาที่เข้มแข็งของเจ้าของระบบนิเวศนวัตกรรมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งนี่คือพื้นฐานเพื่อให้เวียดนามดึงดูดการลงทุนต่อไป
เวียดนามเป็น “จุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ” สำหรับกระแสเงินลงทุนเอฟดีไอที่มีคุณภาพสูง
กองทุนลงทุนได้ให้คำมั่นที่จะลงทุนเข้าสตาร์ทอัพนวัตกรรมของเวียดนาม รวมเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจาก 425 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2019 ขึ้นเป็น 815 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2020 และในช่วงปี 2020 - 2022 บรรลุเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่า ในปี 2023 ตัวเลขนี้จะเติบโตต่อไป นาย วินนี ลอเรีย ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของกองทุนลงทุน Golden Gate Ventures ได้ย้ำถึงปัจจัยที่ทำให้เวียดนามเป็นจุดเด่นเกี่ยวกับการลงทุน ประกอบด้วย ความมั่นคงทางการเมือง แรงงานวัยหนุ่มสาวที่มีการศึกษาสูง โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนา ทักษะด้านดิจิทัลและความสามารถด้านนวัตกรรม เวียดนามเป็น “จุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ” สำหรับแหล่งเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอที่มีคุณภาพสูงในขณะที่สถานประกอบการต่างประเทศขนาดใหญ่กำลังแสวงหาโอกาสการลงทุนเพื่อเพิ่มความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานและจำกัดการพึ่งพาแต่ตลาดจีน
“อัตราการพัฒนานวัตกรรมของเวียดนามนั้นเพิ่มขึ้นเร็วมาก โดยเฉพาะตลาดเทคโนโลยี ด้วยอัตราการเติบโตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในเวลาที่จะถึง เวียดนามจะมีโอกาสมากมายจากพื้นฐานที่มีอยู่ เช่น การศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกขนาดใหญ่บางแห่งได้เข้ามาตั้งบริษัทในเวียดนาม เช่น Google, Intel, Amazone และSamsung ซึ่งสร้างโอกาสพัฒนาให้แก่ประเทศ สถานประกอบการและสตาร์ทอัพนวัตกรรม”
นาย เหงียนชี้หยุง รัฐมนตรีกระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) |
เวียดนามมีปฏิบัติการที่เข้มแข็งเพื่อส่งเสริมนวัตกรรม
เวียดนามมีตลาดภายในประเทศที่ยังใหม่และมีศักยภาพ พร้อมผู้ที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมและมีการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างต่อเนื่องจึงทำให้เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับแหล่งเงินลงทุนในสตาร์ทอัพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายงานของ Golden Gate Ventures ที่มีหัวข้อ “สามเหลี่ยมทองคำแห่งสตาร์ทอัพย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ระบุว่า “การอยู่ร่วมกัน” ของตลาดสิงคโปร์ อินโดนีเซียและเวียดนามจะเปิดโอกาสให้แก่การเติบโตของกระแสเงินลงทุนของภูมิภาค รายงานย้ำว่า เวียดนามนำการประสานงานที่ดีระหว่างผู้ที่มีความสามารถชั้นนำในด้านเทคโนโลยี วัฒนธรรมสตาร์ทอัพของประเทศและตลาดภายในประเทศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การประสานปัจจัยเหล่านี้ทำให้อธิบายได้ว่า ทำไมนักลงทุนระดับโลกจึงเข้ามาลงทุนในเวียดนามเพิ่มมากขึ้น
ตามรายงานสถิติจากศูนย์นวัตกรรมแห่งชาติเวียดนามหรือ NIC บริษัทสตาร์ทอัพของเวียดนามสามารถระดมทุนได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐโดยมีการทำธุรกรรมกว่า 165 ครั้งเมื่อปี 2021 เพิ่มขึ้น 1.6 เท่าเมื่อเทียบกับเมื่อปี 2019 โดยบรรลุ 894 ล้านดอลลาร์สหรัฐและทำธุรกรรม 126 ครั้ง ในปี 2023 คาดว่า อัตราการเติบโตนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยการขยายตัวจีดีพีจะอยู่ที่ร้อยละ 6.7
ด้วยเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมต่อการสร้างจุดเด่นให้แก่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและยกระดับสถานะของเวียดนามบนเวทีระหว่างประเทศ เวียดนามกำลังมีแนวทางและปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมนวัตกรรม นาย เหงียนชี้หยุง รัฐมนตรีกระทรวงวางแผนและการลงทุนกล่าวว่า เวียดนามเป็น ตัวเลือกที่ดีสำหรับแหล่งเงินลงทุนเอฟดีไอที่มีคุณภาพสูงในขณะที่สถานประกอบการระหว่างประเทศขนาดใหญ่กำลังแสวงหาโอกาสการลงทุนเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้แก่ห่วงโซ่อุปทานและลดการพึ่งพาตลาดเดียว
“กองทุนลงทุนและสถานประกอบการนวัตกรรมจะเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของรัฐบาล กระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อแบ่งเบา สนับสนุนและแสดงความคิดเห็นต่อการวางนโยบายเกี่ยวกับการลงทุนในสตาร์ทอัพและช่วยให้เวียดนามมีบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่น่าสนใจมากขึ้นในภูมิภาคและโลก ในเวลาที่จะถึง กระทรวงวางแผนและการลงทุนจะศึกษาและรายงานความเป็นไปได้ในการจัดทำกฎหมายการลงทุนที่มีความเสี่ยง และเสนอกลไกจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมที่สังคมมีส่วนร่วม ไม่ใช้งบประมาณของรัฐโดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนโครงการทำธุรกิจสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมที่มีศักยภาพอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ”
ปัจจุบัน กองทุนลงทุนของเวียดนามได้สนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพอย่างครอบคลุมทั้งในด้านการเงิน ความรู้ ความสามารถในการดำเนินงาน การพัฒนาและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างมูลค่าที่โดดเด่นให้กับสตาร์ทอัพ เมื่อเวียดนามเข้าถึงตลาดต่างประเทศ จะช่วยให้ระบบนิเวศสตาร์ทอัพมีความคึกคัก น่าสนใจและมีคุณภาพมากขึ้น.