(VOVworld) – หลังเหตุก่อการร้ายหลายครั้งติดต่อกันเมื่อเดือนพฤษจิกายนปี 2015 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 130 คน ทั้งโลกต้องสะเทือนขวัญอีกครั้งต่อเหตุโจมตีใส่ประชาชนที่มาชมพลุวันชาติฝรั่งเศส ณ เมืองนิสเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ซึ่งทำให้จำนวนเหตุก่อการร้ายในฝรั่งเศสนับตั้งแต่ปี 2012 เพิ่มขึ้นและแสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ในการรักษาความมั่นคงในฝรั่งเศส จนต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการต่อต้านการก่อการร้ายของฝรั่งเศสในเวลาที่ผ่านมา
สถานที่เกิดเหตุ (Photo EPA/VNplus)
|
การโจมตีด้วยรถบรรทุกได้เกิดขึ้นในวันชาติฝรั่งเศส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คนและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยตำรวจได้ตรวจพบเอกสารประจำตัวของพลเมืองฝรั่งเศสเชื้อสายตูนีเซีย
เหตุโจมตีดังกล่าวได้เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ฝรั่งเศสประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคมนี้ จะยุติประกาศภาวะฉุกเฉินที่ประกาศมาตั้งแต่หลังเหตุการโจมตีก่อการร้ายเมื่อเดือนพฤษจิกายนปี 2015
ไม่มีมาตรการใหม่เพื่อรักษาความมั่นคง
หลังเหตุการณ์นี้ เมืองนิส ซึ่งอยู่ภาคใต้ประเทศฝรั่งเศสได้ตั้งอยู่ในภาวะ “เตรียมพร้อมรับการโจมตี” ในระดับสูงสุด โดยมีการระดมกำลังทหารสำรองในทั่วประเทศ ในการกล่าวปราศรัยทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติหลังการประชุมฉุกเฉินของรัฐบาล นาย ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ยืนยันว่า เหตุการโจมตีที่สะเทือนใจดังกล่าวเป็นการก่อการร้ายอย่างแน่น่อน และเตือนว่า ประเทศฝรั่งเศสกำลังอยู่ภายใต้ภัยคุกคามจากลัทธิก่อการร้ายอิสลามและประกาศว่า จะคงกำลังทหารที่เข้าร่วมโครงการต่อต้านการก่อการร้ายจำนวน 1 หมื่นนายแทน 7 พันนายตามที่ได้ประกาศก่อนหน้านั้น ตลอดจนยืนยันว่า จะขยายเวลาการประกาศภาวะฉุกเฉินออกไปอีก 3 เดือน ซึ่งแม้กลุ่มไอเอสยังไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบเกี่ยวกับเหตุโจมตีดังกล่าวแต่นาย ฟรองซัวส์ ออลลองค์ยังระบุอย่างชัดเจนว่า ฝรั่งเศสจะเข้าร่วมการต่อต้านกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรียอย่างเข้มแข็งมากขึ้น
เป็นอันว่า มาตรการรักษาความมั่นคงต่างๆที่ฝรั่งเศสได้ประกาศนั้นไม่มีอะไรใหม่เพราะในเวลาที่ผ่านมา การรักษาความมั่นคงคือเรื่องที่ฝรั่งเศสได้ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆอยู่แล้ว โดยตอนเกิดเหตุโจมตีก่อการร้ายเมื่อเดือนพฤษจิกายนปี 2015 ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ก็ได้ประกาศว่า ฝรั่งเศสจะต่อต้านกลุ่มไอเอสอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อขยายเวลาการประกาศภาวะฉุกเฉินจาก 12 วันเป็น 3 เดือน ตลอดจนอนุมัติการยกเลิกสิทธิการเป็นพลเมืองฝรั่งเศสของบุคคลที่ถือสองสัญชาติถ้าหากถูกลงโทษในข้อหาก่อการร้ายและห้ามเข้าฝรั่งเศสถ้าหากเป็นภัยคุกคามก่อการร้าย ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ยังให้คำมั่นว่า จะเพิ่มงบประมาณให้แก่กองกำลังรักษาความมั่นคงและกองทัพฝรั่งเศส ส่วนในเวลาที่ผ่านมา กองกำลังรักษาความมั่นคงของฝรั่งเศสได้ไล่ล่ากลุ่มก่อการร้ายนับร้อยครั้งเพื่อกวาดล้างและทำลายแผนการโจมตีประเทศฝรั่งเศส สำหรับนโยบายการต่างประเทศ ฝรั่งเศสได้เพิ่มการโจมตีในซีเรีย ซึ่งเป็นประเทศที่กลุ่มก่อการร้ายวางแผนก่อเหตุกราดยิงและก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในกรุงปารีสและเขตชานเมืองเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นาย ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ยังเรียกร้องให้บรรดาประเทศยุโรปร่วมกับฝรั่งเศสทำลายแผนการโจมตีของกลุ่มผู้ก่อการร้าย
ส่งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาในโรงพยาบาล (Photo EPA/VNplus)
|
สาเหตุในเชิงลึก
ทำไมฝรั่งเศสถึงตกเป็นเหยื่อของเหตุโจมตีในเวลาที่ผ่านมา ตามความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ สาเหตุเนื่องมาจากการที่ฝรั่งเศสได้รับการประเมินว่ามี “บทบาทสำคัญ” ในการแก้ไข “จุดร้อน”ในทวีปแอฟริกา ซึ่งมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตแอฟริกาเหนือที่มีชายแดนติดกับจุดร้อนของตะวันออกกลาง” แถมนับตั้งแต่ปี 2014 ฝรั่งเศสได้เข้าร่วมพันธมิตรต่อต้านกลุ่มไอเอสอย่างเข้มแข็ง และเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ได้เข้าร่วมยุทธนาการโจมตีทางอากาศใส่กลุ่มไอเอส
ในขณะเดียวกัน จากการที่ฝรั่งเศสมีบทบาทสำคัญในยุโรปและโลก ดังนั้นถ้าหากทำการโจมตีในฝรั่งเศสก็จะช่วยให้ชื่อเสียงของกลุ่มก่อการร้ายด่งดังมากขึ้น ส่วนวิธีการโจมตีที่ใส่เป้าหมายพลเรือนก็ทำให้สำนักงานข่าวกรองและความมั่นคงฝรั่งเศสไม่สามารถคาดเดาได้ นี่ยังไม่รวมถึงการที่ยังมีชาวมุสลิมหัวรุนแรงจำนวนมากอาศัยในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตชานเมือง โดยความลำบากทางเศรษฐกิจในหลายปีมานี้ได้ทำให้เยาชนชาวมุสลิมส่วนหนึ่งที่ยากจะปรับตัวเข้ากับชุมชนจึงถูกชักจูงเข้าร่วมกิจกรรมหัวรุนแรงได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้การโจมตีก่อการร้ายครั้งต่างๆได้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของกองกำลังรักษาความมั่นคงฝรั่งเศสในการพยากรณ์เหตุการณ์และนี่ก็เป็นเหตุผลที่คณะกรรมาธิการตรวจสอบแห่งรัฐสภาฝรั่งเศสได้เสนอให้ผนวกระบบข่าวกรองของฝรั่งเศสเข้าเป็นองค์การเดียว ส่วนอุปสรรคสุดท้ายที่ต้องกล่าวถึงก็คือนโยบายการเข้าเมืองและนโยบายการเดินทางอย่างเสรีในยุโรป โดยเฉพาะในเขตเชงเก้นได้เป็นอุปสรรคต่อการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ
ทั้งนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ถึงแม้กองกำลังรักษาความมั่นคงฝรั่งเศสได้มีความพยายามเป็นอย่างมากแต่การโจมตีเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อฝรั่งเศสและโลก ซึ่งทำให้ฝรั่งเศสและหลายประเทศต้องแสวงหามาตรการแก้ไขปัญหาให้ถึงต้นเหตุเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์โจมตีขึ้นอีก.