การยึดคืนเมืองโบราณพัลไมราได้สร้างหัวเลี้ยวหัวต่อในสงครามในซีเรีย  (RIA Novostia)

หลังจากยึดคืนเมืองโบราณพัลไมรา  กองทัพซีเรียได้ยึดคืนตัวเมือง Qariatein ซึ่งเป็นฐานที่มั่นแห่งใหญ่ของกลุ่มก่อการร้ายไอเอสในจังหวัด Homs ในภาคใต้ซีเรียและเป็นสถานที่สำรองสินค้า กลุ่มยุทโธปกรณ์ให้แก่กองกำลังในเมืองโบราณ พัลไมรา หลังจากกลุ่มไอเอสถอนกำลังแทนที่จะสู้รบต่อไป
กองทัพซีเรียกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบตามสนามรบ
การปลดปล่อยเมืองโบราณ พัลไมรา ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกได้สร้างความเสียหายอย่างหนักด้านพลาธิการของไอเอสเพราะนี่คือจุดขนส่งสินค้ากลุ่มยุทโธปกรณ์ให้แก่กองกำลังก่อการร้าย การยึดคืนเมืองโบราณพัลไมรา  ที่กลุ่มไอเอสควบคุมตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2015 ได้สร้างก้าวเดินสำคัญในภาคสนามต่อกองทัพซีเรียนับตั้งแต่กองทัพซีเรียสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะมีการแทรกแซงทางทหารของรัสเซียเมื่อเดือนกันยายนปี 2015 เมืองนี้ถือเป็นจุดชุมทางที่สำคัญที่สุดระหว่างเขตทะเลทรายที่มีน้ำมันที่อุดมสมบูรณ์ในภาคตะวันออกกับเขตชุมชนหนาแน่นริมฝั่งตะวันตกของซีเรีย พร้อมทั้งเป็นประตูเข้าสู่จังหวัด Raqqa ซึ่งเป็นฐานที่มั่นใหญ่ของกลุ่มไอเอส การยึดคืนเมืองโบราณพัลไมราได้รับการประเมินว่าจะเปิดทางให้แก่กองทัพซีเรียมุ่งสู่ฐานที่มั่นใหญ่ของกลุ่มก่อการร้ายในจังหวัด Raqqa ตลอดจนเมือง Deir ez-Zor ในภาคตะวันออกของซีเรีย
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารได้วิเคราะห์ว่า ผลสำเร็จในการต่อต้านกลุ่มไอเอสของกองทัพซีเรียมาจากการโจมตีทางอากาศที่มีประสิทธิภาพของกองทัพอากาศรัสเซียใส่สถานที่สำคัญของกลุ่มไอเอส ขณะนี้ รัสเซียได้ควบคุมสนามรบในซีเรียและการที่กองกำลังซีเรียและรัสเซียประสานงานอย่างใกล้ชิดเป็นปัจจัยที่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในภาคสนาม เป็นที่ชัดเจนว่า กลุ่มก่อการร้ายยากที่จะต่อสู้กับความแข็งแกร่งของกองทัพรัสเซีย-ซีเรีย จากการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย กลุ่มไอเอสได้เสียความได้เปรียบในซีเรียโดยไม่เพียงแต่ไม่สามารถธำรงการขยายดินแดนในซีเรียเท่านั้น หากกองทัพซีเรียยังสามารถยึดดินแดนต่างๆที่กลุ่มไอเอสควบคุมอีกด้วยพร้อมกับชัยชนะตามสนามรบต่างๆ ผู้นำคนสำคัญอันดับ 2 ของกลุ่มไอเอสก็ถูกกองกำลังพันธมิตรสังหารเมื่อเร็วๆนี้ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อกลุ่มกบฎในซีเรีย

กองทัพซีเรีย (AP)

พลิกสถานการณ์บนโต๊ะเจรจา
สามารถยืนยันได้ว่า ชัยชนะตามสนามรบต่างๆได้ยกระดับสถานะของรัฐบาลของประธานาธิบดี บาซาร์ อัลอัสซาด ก่อนการเจรจาสันติภาพเกี่ยวกับซีเรียซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 9 เมษายนนี้ ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นเวลานานมาแล้ว ปัญหาอนาคตของประธานาธิบดี บาซาร์ อัลอัสซาด ได้เป็นปัญหาที่สร้างความถกเถียงระหว่างรัสเซียกับสหรัฐโดยในขณะที่การเคลื่อนไหวล่าสุดในสนามรบได้เป็นการยืนยันที่เข้มแข็งที่สุดต่อจุดยืนของมอสโคว์เกี่ยวกับอานาคตของนาย บาซาร์ อัลอัสซาดนั้น สหรัฐก็ยังคงยืนกรานต์ทัศนะว่า สงครามในซีเรียจะไม่สามารถยุติลงได้เนื่องจากนาย บาซาร์ อัลอัสซาด ถือเป็นต้นเหตุของความรุนแรง การก่อการร้ายและการลุกขึ้นต่อสู้ของนักรบครูเสดจนกว่านาย บาซาร์ อัลอัสซาด ลาออกจากตำแหน่ง แต่สถานการณ์ในปัจจุบันได้ทำให้สหรัฐไม่ได้ถือการเรียกร้องให้นาย บาซาร์ อัลอัสซาด ลาออกจากตำแหน่งเป็นเงื่อนไขชี้ขาดของกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในซีเรีย ในโอกาสเดินทางไปเยือนรัสเซียเมื่อเร็วๆนี้ นาย จอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้พบปะกับนาย เซอร์เกลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียโดยเห็นพ้องกันว่า ไม่ควรนำปัญหาอนาคตของประธานาธิบดี บาซาร์ อัลอัสซาด มาหารือในช่วงนี้และยอมรับว่า กระบวนการทางการเมืองในซีเรียกำลังมีสัญญาณที่น่ายินดีมากขึ้น นาย จอห์น แคร์รี ได้แสดงความเห็นว่า วอชิงตันสามารถแสวงหาความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์จากมอสโคว์เกี่ยวกับปัญหาอนาคตของประธานาธิบดีซีเรียซึ่งจะไม่ถูกหารือในระเบียบวาระการประชุมในระยะนี้ ก่อนการเจรจาเกี่ยวกับสันติภาพให้แก่ซีเรียในเดือนเมษายนี้ นาย Staffan de Mustura ทูตพิเศษของสหประชาชาติเกี่ยวกับซีเรียได้ยืนยันว่า การเจรจารอบนี้จะไม่เน้นหลักการเจรจา หากเน้นถึงกระบวนการทางการเมือง
เป็นที่ชัดเจนว่า การแทรกแซงของรัสเซียได้ช่วยพลิกสถานการณ์ ช่วยให้กองทัพซีเรียได้ยึดคืนความได้เปรียบในการต่อสู้ การเจรจาสันติภาพที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 เมษายนนี้ ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์พร้อมกับสถานการณ์ล่าสุดตามสนามรบเมื่อเร็วๆนี้ หวังว่า จะสร้างหัวเลี้ยวหัวต่อเพื่อย่นเส้นทางมุ่งสู่สันติภาพของซีเรียให้สั้นลง แต่แนวโน้มเกี่ยวกับสันติภาพที่ยาวนานให้แก่ซีเรียยังคงเต็มไปด้วยความยากลำบากเมื่อประเทศนี้ยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคทั้งด้านทหารและการเมือง ปัจจุบัน ซีเรียยังคงต้องก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางที่ยาวไกลกว่าที่จะสามารถขับไล่กลุ่มก่อการร้ายออกจากประเทศได้โดยสิ้นเชิง.