ดร. Vannarith Chheang จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี Nanyang |
การเยือนสิงคโปร์และบรูไนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง มีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่ทั้ง 3 ประเทศได้ฟันฝ่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยสถานะและความหวังใหม่ เวียดนาม สิงคโปร์และบรูไนมีโอกาสร่วมมือมากมายเพื่อสร้างผลงานพิเศษ การบรรลุความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์ และเวียดนามกับบรูไนมีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในทศวรรษต่อๆ ไป
เวียดนาม: หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามโดยสถาปนาความสัมพันธ์เมื่อเดือนสิงหาคมปี 1973 หลังจากข้อตกลงปารีส 1973 ได้รับการลงนาม ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ หลังจากที่เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนเมื่อปี 1995 ซึ่งช่วยให้เวียดนามยืนอยู่เคียงข้างกับสิงคโปร์ภายใต้ “ชายคาอาเซียน” เมื่อปี 2013 สิงคโปร์ได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศแรก ๆ ที่สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับเวียดนาม ซึ่งเป็นการเปิดศักราชใหม่ของความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ การให้ความเคารพและความไว้วางใจระหว่างกัน
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเป็นจุดเด่นของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์ เวียดนามกำลังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค โดยเมื่อปีที่แล้ว การขยายตัว GDP ของเวียดนามอยู่ที่กว่าร้อยละ 8 ผลงานดังกล่าวไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประชาชนเวียดนามเท่านั้น หากยังแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของรัฐบาลในการกำหนดแนวทางในอนาคตอีกด้วย
บริษัทของสิงคโปร์เล็งเห็นถึงศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ของเศรษฐกิจเวียดนาม โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สิงคโปร์เป็นหนึ่งในนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ในเวียดนาม ปัจจุบัน เขตนิคมอุตสาหกรรมเวียดนาม-สิงคโปร์หรือ VSIPs จำนวน 11 แห่งได้ตั้งอยู่ในหลายเมือง ทั้งภาคเหนือ ภาคกลางและภาคใต้ของเวียดนาม ซึ่งได้สร้างงานทำให้แก่แรงงานเวียดนามกว่า 300,000 คน การเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์สิงคโปร์-เวียดนามในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานหมุนเวียน คาร์บอนเครดิตและโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ในการประเมินเกี่ยวกับโอกาสความร่วมมือทวิภาคี ดร. Vannarith Chheang จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี Nanyang และประธานสถาบันวิจัยวิสัยทัศน์เอเชียหรือ Asia Vision Institute แสดงความเห็นว่า
“สิงคโปร์มีเทคโนโลยีขั้นสูง เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียวและความปลอดภัยทางไซเบอร์ ในขณะที่เวียดนามก็มีข้อได้เปรียบมากมาย เช่น กำลังปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็ว เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถานประกอบการภาครัฐหลายแห่งมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและศักยภาพในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี ดังนั้น ผมคิดว่า นี่คือด้านร่วมมือที่มีศักยภาพ ทั้งสองประเทศสามารถส่งเสริมความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว เครือข่ายเมืองอัจฉริยะและความปลอดภัยทางไซเบอร์”
ในขณะเดียวกัน ตามความเห็นของ เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสิงคโปร์ มายเฟือกหยุง คาดว่า ในกรอบการเยือนครั้งนี้ ทั้งสองประเทศจะสามารถลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับความเป็นหุ้นส่วนทางดิจิทัลและหุ้นส่วนแห่งสีเขียว ซึ่งเป็นเอกสารขั้นพื้นฐานที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งเพื่อแปรข้อตกลงที่ผู้นำระดับสูงได้บรรลุเมื่อปีที่แล้วให้เป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศจะยังคงร่วมมือในด้านการศึกษา และสามารถลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการช่วยเหลือกู้ภัยในด้านกลาโหม
เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสิงคโปร์ มายเฟือกหยุง (VNA) |
กระชับความสัมพันธ์ร่วมมือกับบรูไน
เวียดนามและบรูไนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ปี 1992 และยกระดับเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านในโอกาสการเสด็จเยือนเวียดนามของกษัตริย์แห่งบรูไนเมื่อเดือนมีนาคมปี 2019
สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ - การค้า - การลงทุน บรูไนเป็นตลาดขนาดเล็กสำหรับการส่งออกสินค้าของเวียดนาม โดยเมื่อปี 2022 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนบรรลุกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 134% เมื่อเทียบกับปี 2021 ซึ่งมากกว่าเป้าหมาย 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่วางกรอบไว้ในปี 2025 ของผู้นำทั้งสองประเทศ บรูไนอยู่อันดับที่ 26 จาก 141 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนาม ด้วยยอดเงินทุนจดทะเบียน 971 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเน้นในอุตสาหกรรมแปรรูป การผลิต การก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์
ในเวลาที่จะถึง ทั้งสองฝ่ายมีความต้องการที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการของทั้งสองประเทศในด้านที่มีศักยภาพ เช่น การเกษตร ป่าไม้และสัตว์น้ำ อาหารฮาลาล การก่อสร้างและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมสถานประกอบการเวียดนามเข้าร่วมในกิจการร่วมทุนและความร่วมมือกับสถานประกอบการบรูไน ในการประเมินเกี่ยวกับความสัมพันธ์เวียดนาม-บรูไน ดร. Vannarith Chheang กล่าวว่า
“ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์เวียดนาม-บรูไนจะไม่ประสบความสำเร็จเท่ากับความสัมพันธ์เวียดนาม-สิงคโปร์ในด้านการค้าและการลงทุน แต่ก็มีความร่วมมือในด้านพิเศษ เช่น ความร่วมมือด้านน้ำมัน นอกจากนี้ ในฐานะสมาชิกอาเซียน เวียดนามและบรูไนจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดในกรอบและกลไกที่นำโดยอาเซียน รวมถึงระเบียบวาระการประชุมเกี่ยวกับปัญหาระดับภูมิภาคที่ต่างให้ความสนใจ เช่น ปัญหาทะเลตะวันออก”
ในด้านกลาโหมและความมั่นคง ทั้งสองประเทศยังคงปฏิบัติเนื้อหาความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไป เช่น การแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ การฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนข้อมูลและการประสานงานในการค้นหากู้ภัย ความร่วมมือในด้านพลังงาน การเกษตร การศึกษา ความร่วมมือทางทะเลและการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนยังคงได้รับความสนใจพัฒนาเป็นพิเศษ
การเยือนสิงคโปร์และบรูไนอย่างเป็นทางการครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งและภริยาจะมีส่วนร่วมผลักดันความไว้วางใจทางการเมืองและส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างเวียดนามกับประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งสองประเทศนี้ ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงานระหว่างทุกฝ่ายทั้งในระดับภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ.