(VOVworld) –   ท่านผู้ฟังที่เคารพ วันที่๑๓เดือนนี้  ณ กรุงฮานอย ได้มีการจัดการประชุมเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศเพื่อปฏิบัติการวิจารณ์ตนเองและวิจารย์คนอื่นระดับจังหวัดและนครตามมติของการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่๔สมัยที่๑๑เกี่ยวกับบางปัญหาที่เร่งด่วนในการสร้างสรรค์พรรคปัจจุบันซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่๒ที่กรมการเมืองพรรคได้จัดขึ้นนับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบันเพื่อปฏิบัติมติดังกล่าวซึ่งตามติฉบับนี้  เจ้าหน้าที่บริหารต้องเป็นตัวอย่างในการวิจารณ์ตนเองและวิจารย์คนอื่นซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาพรรค

การประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่๔สมัยที่๑๑ (Photo:Internet)

(VOVworld) –   มติของการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามครั้งที่๔ สมัยที่๑๑เกี่ยวกับบางปัญหาที่เร่งด่วนในการสร้างสรรค์พรรคปัจจุบันระบุว่า การวิจารณ์ตนเองและวิจารณ์คนอื่นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เป็นกุญแจ และอาวุธที่แหลมคม และเป็นกฏเพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาพรรค ตามเจตนารมณ์ของมติฉบับนี้ เนื้อหาวิจารณ์ตนเองและวิจารณ์คนอื่นเน้นปัญหาสำคัญ๓ประการนั่นคือ แนวความคิดทางการเมือง คุณธรรม วิถีชีวิต การปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องห้ามต่อสมาชิกพรรค ข้อจำกัดและความอ่อนด้อยในงานด้านเจ้าหน้าที่และในการปฏิบัติหลักการ“การบริหารหมู่คณะแต่บุคคลเป็นผู้รับผิดชอบ”  นายLê Thanh Hải สมาชิกกรมการเมืองพรรค เลขาธิการพรรคสาขานครโฮจิมินห์ได้กล่าวว่า “ใน๔กลุ่มมาตรการชี้นำของกรมการเมืองพรรคและ คณะกรรมการกลางพรรคเกี่ยวกับการปฏิบัติมติดังกล่าว กลุ่มมาตรการที่๑คือ วิจารณ์ตนเองและวิจารณ์คนอื่นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งซึ่งวิธีทำคือ ทำจากชั้นบนก่อน ชั้นล่างทำทีหลังและชั้นบนต้องเป็นตัวอย่างให้แก่ชั้นล่างบนเจตนารมณ์แห่งความสมัครใจและและการเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติมติฉบับดังกล่าวครั้งนี้ โดยเฉพาะ ในการวิจารณ์ตนเองและวิจารณ์คนอื่นซึ่งแม้จะยากมากแต่พวกเรามีความเชื่อมั่นว่า พวกเราจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนเพราะพวกเราทำให้แก่ตนเอง”  ปัจจุบัน พรรคสาขาท้องถิ่นต่างๆได้เสร็จสิ้นการฝึกอบรมเพื่อเข้าใจมติฉบับนี้และเริ่มทำการวิจารณ์ตนเองและวิจารณ์คนอื่นในองค์กรพรรค นายLê Xuân TrườngเลขาธิการพรรคสาขาอำเภอTừ Liêm กรุงฮานอยกล่าวว่า “พวกเราวางแผนปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในพรรคสาขา จัดการประชุมเจ้าหน้าที่บริหาร และชี้นำพรรคสาขาพื้นฐานเพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่สมาชิกพรรคโดยให้ความสำคัญต่อการตรวจตราและตรวจสอบในทุกด้าน เตรียมให้แก่การวิจารณ์ตนเองและวิจารณ์นอื่นและเปรียบเทียบกับมาตรฐานของสมาชิกพรรคและข้อห้าม๑๙ข้อที่มีต่อสมาชิกพรรค”   มติฉบับดังกล่าวย้ำถึงลักษณะตัวอย่างของเจ้าหน้าที่บริหารในการวิจารณ์ตนเองและวิจารณ์คนอื่น  ในความรับผิดชอบมากมายของผู้บริหาร งานด้านเจ้าหน้าที่ถือเป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ซึ่งมีอิทธิพลไม่เพียงแต่ในวาระหนึ่ง ระยะหนึ่งเท่านั้นหากส่งผลกระทบต่อขบวนการของหน่วงานและท้องถิ่น  เมื่อก่อนนี้จนถึงปัจจุบัน  งานด้านเจ้าหน้าที่เป็นงานของพรรค โดยปฏิบัติตามหลักการประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์ ซึ่งหมายความว่า ต้องอภิปรายแบบหมู่คณะและตัดสินใจตามเสียงส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี ในพื้นที่บางแห่งยังคงมีประชาธิปไตยแบบเป็นเอกลักษณ์ ด้วยเหตุนี้ การวิจารณ์ตนเองและวิจารณ์นอื่นเกี่ยวกับความบกพร่องในงานด้านเจ้าหน้าที่บนเจตนารมณ์ของมติดังกล่าวจึงได้รับการปฏิบัติตามแนวทางกำหนดอำนาจและความรับผิดชอบของหัวหน้าพรรคสาขาและองค์กรพรรค หน่วยงานในงานดูแลงานด้านเจ้าหน้าที่ นายHà Đăng  อดีตสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคและอดีตหัวหน้าคณะกรรมการแนวความคิดและวัฒนธรรมส่วนกลางได้กล่าวว่า “การระบุอำนาจและความรับผิดชอบเป็นมาตรการที่ทรงประสิทธิภาพเพื่อแก้ไขปัญหาผูกขาดอำนาจซึ่งไม่ใช่ทำได้ง่ายนัก ดังนั้นต้องมีข้อกำหนด ระเบียบการและหลักการที่เป็นรูปธรรม  เมื่อก่อนนี้จนถึงปัจจุบัน ผู้คนได้กล่าวถึงปัญหานี้มากแต่บัดนี้ต้องมีข้อกำหนดที่เป็นรูปธรรม  เช่น เลขาธิการพรรคสาขาจังหวัดมีอำนาจถึงไหนความรับผิดชอบถึงนั่น และเมื่อมีอำนาจแล้วแต่ไม่สามารถแก้ไขได้จะถูกลงโทษทางวินัย”  ในการวิจารณ์นเองและวิจารย์คนอื่น การเป็นตัวอย่างได้เริ่มต้นจากระดับสูงสุดเมื่อท่านNguyễn Phú Trọngเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ยืนยันในการประชุมเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศครั้งที่๑เพื่อปฏิบัติมติดังกล่าวว่า การวิจารณ์ตนเองและวิจารณ์คนอื่น การเป็นตัวอย่างของเจ้าหน้าที่บริหารทุกระดับซึ่งก่อนอื่นคือระดับส่วนกลาง และหัวหน้าหน่วยงานทุกระดับ คณะกรรมการกลางพรรค กรมการเมืองพรรค คณะเลขาธิการกลางพรรค พรรสาขาทุกระดับ เจ้าหน้าที่บริหาร  โดยเฉพาะ ระดับส่วนกลาง และหัวหน้าหน่วยงานต้องปฏิบัติก่อน และเป็นตัวอย่างเพื่อให้ระดับถัดมาปฏิบัติตาม เป็นอันว่า การวิจารณ์ตนเองและวิจารณ์คนอื่นๆต้องเริ่มจากผู้ที่มีความรับผิดชอบสูงสุดในพรรคซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของหัวหน้าในการปฏิบัติมติครั้งนี้ ./.