ด้วยเสียงสนันสนุนร้อยละ 35.5 จากจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 50 พรรคซีรีซ่าของนาย อเล็กซิส ซีปราส ได้รับที่นั่ง 145 ที่นั่งจากทั้งหมด 300ที่นั่ง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ชาวกรีซส่วนใหญ่ที่สนับสนุนการกลับเข้าร่วมเขตยูโรโซนยังคงคาดหวังเกี่ยวกับการตัดสินใจต่างๆของนาย อเล็กซิส ซีปราสเมื่อกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีพร้อมกับรัฐสภาชุดใหม่ที่มีความเป็นเอกฉันท์มากขึ้น

เมื่อ 1 เดือนก่อน นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราสได้ขอลาออกจากตำแหน่งโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเพื่อเปิดทางให้แก่การเลือกตั้งรัฐสภาก่อนกำหนด แต่การกระทำนี้ไม่สร้างความแปลกใจให้แก่นักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์เพราะว่านี่คือการเดินหมากทางการเมืองที่ฉลาดของนายกรัฐมนตรีวัย 41 ปีผู้นี้เพื่อช่วยให้ตนเองกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งด้วยสถานะที่เข้มแข็งมากขึ้นและไม่ถูกคัดค้านจากสมาชิกที่มีทัศนะแตกต่างกับตนในพรรคซีรีซ่า ในการกลับมาดำรงตำแหน่งในครั้งนี้ นาย อเล็กซิส ซีปราสจะมีโอกาสโยกย้ายบุคคลที่เห็นต่างในพรรคซีรีซ่าและมุ่งสู่การสร้างสรรค์รัฐสภาชุดใหม่ที่สามารถปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อาจกล่าวได้ว่า การที่พรรคซีรีซ่าได้เป็นพรรครัฐบาลจะช่วยให้นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ซึ่งก็เป็นหัวหน้าพรรคมีสิทธิ์จัดทำรายชื่อบุคลากรชุดใหม่ของพรรคได้เองโดยไม่ต้องขออนุมัติจากที่ประชุมใหญ่พรรค นี่ถือเป็นโอกาสให้นาย อเล็กซิส ซีปราส โยกย้ายสมาชิกฝ่ายซ้ายที่มักจะคัดค้านการตัดสินใจต่างๆของเขาอยู่เสมอ นอกจากนี้ การเลือกตั้งก่อนกำหนดก็เพื่อไม่ให้สมาชิกเหล่านี้มีเวลาจัดตั้งพรรคใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากการเลือกตั้งมีขึ้นหลังเดือนกันยายน นาย อเล็กซิส ซีปราส ก็ยากที่จะได้รับชัยชนะด้วยเสียงสนับสนุนข้างมากถึงร้อยละ 60 เหมือนปัจจุบันเพราะว่าต้องใช้มาตรการรัดเข็มขัดตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ เช่น การเพิ่มภาษีและการลดสวัสดิการสังคมตามคำเรียกร้องของเจ้าหนี้ เป็นต้น

โดยไม่สนใจต่อผลการเลือกตั้ง ผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจได้ยืนยันว่า กรีซยังคงต้องการวงเงินช่วยเหลือเพิ่มอีกเพราะถ้าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือก็มีความเป็นไปได้สูงที่ประเทศนี้จะตกเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ในระยะยาวอีกครั้ง ในความเป็นจริง เศรษฐกิจของกรีซยังคงไม่ดีขึ้นหลังวิกฤตที่ผ่านมา โดยการควบคุมแหล่งเงินทุนยังคงอยู่ในภาวะชงักงัน การพัฒนาอุตสาหกรรมชะลอตัวและอัตราคนว่างงานอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงคือร้อยละ 25

นับตั้งแต่ปี 2010 รัฐบาลชุดต่างๆของกรีซได้ประสบความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยอัตราคนว่างงานอยู่ในระดับสูง หนี้ต่างชาติพุ่งสูงขึ้นและความไร้เสถียรภาพในสังคมมีความรุนแรงมากขึ้น ในตลอด 7 เดือนที่ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนับตั้งแต่เมื่อชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงสนับสนุนสูงที่สุดคือร้อยละ 59 เมื่อวันที่ 25 มกราคม รัฐบาลของนาย อเล็กซิส ซีปราสก็ถูกตำหนิว่า ไม่สามารถบริหารประเทศได้และยอมจำนนต่อเจ้าหนี้ในทุกด้าน

ขณะนี้ กรีซต้องการรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้มแข็งเพื่อแก้ไขอุปสรรคนานัปการที่กำลังรออยู่เบื้องหน้า นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราสและครม.ชุดใหม่ต้องหามาตรการแก้ไขที่เร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและชำระหนี้ พร้อมทั้งต้องเอาใจประชามติเพราะว่าการใช้มาตรการรัดเข็มขัดอาจทำให้ประชาชนรู้สึกไม่พอใจและเกิดภัยคุกคามที่สร้างความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ถ้าหากพิจารณาการเลือกตั้งที่ผ่านมา จำนวนผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอยู่ที่ร้อยละ 54 เท่านั้น ต่ำที่สุดในรอบ 70 ปีที่ผ่านมาซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเบื่อหน่ายและความผิดหวังของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกรีซ แม้ไม่อยากปฏิบัติมาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวดต่อไปแต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกเหนือการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวของนายอเล็กซิส ซีปราส คือต้องยอมรับความเสียเปรียบต่อเจ้าหนี้เพื่อจะได้รับเงินกู้เพิ่มเติม

ฉะนั้น ตั้งแต่บัดนี้จนถึงปลายปี กรีซจะต้องปฏิบัติกระบวนการปฏิรูปต่อไป ซึ่งเป็นเงื่อนไขเพื่อจะได้รับวงเงินช่วยเหลืองวดที่ 3 มูลค่า 9 หมื่น 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งกรีซต้องรีบปรับปรุงเศรษฐกิจและการเมืองให้มีเสถียรภาพโดยเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักเพราะปัญหาเหล่านี้ถือเป็นอุปสรรคและความท้าทายต่อรัฐบาลชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส.