นาย เวืองดิ่งเหวะ ประธานสภาแห่งชาติเวียดนาม (VNA) |
การเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการและการเข้าร่วมการประชุม AIPA ครั้งที่ 44 ของประธานสภาแห่งชาติเวียดนามมีขึ้นในระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม
ผลักดันความไว้วางใจกับประเทศหุ้นส่วนและเพื่อนดั้งเดิม
เวียดนามและอินโดนีเซียสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมปี 1955 แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศได้เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นนานแล้ว ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรดั้งเดิมระหว่างทั้งสองประเทศก่อตั้งขึ้นโดยประธานโฮจิมินห์และประธานาธิบดีซูการ์โน และได้รับการทำนุบำรุงอย่างต่อเนื่องจากผู้นำรุ่นสู่รุ่นและประชาชนของทั้งสองประเทศในตลอด 68 ปีที่ผ่านมา
นอกจากความสัมพันธ์ทางการเมืองและการทูตแล้ว ความร่วมมือทางเศรษฐกิจยังเป็นเนื้อหาหลักของความสัมพันธ์ทวิภาคี ปัจจุบัน อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนที่สำคัญชั้นนำของเวียดนามในภูมิภาค โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนเมื่อปีที่แล้วบรรลุกว่า 1 หมื่น 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้ตั้งเป้าไว้คือ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้
ทั้งสองประเทศกำลังปฏิบัติโครงการปฏิบัติงานในช่วงปี 2019-2023 และเจรจาเพื่อลงนามโครงการปฏิบัติงานในช่วงปี 2024-2028 เพื่อกระชับความร่วมมือในทุกด้านระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่สำนักงานนิติบัญญัติของทั้งสองประเทศยังคงธำรงการพบปะ โดยเฉพาะการพบปะระดับสูงนอกรอบการประชุมรัฐสภาพหุภาคี ปีนี้เป็นโอกาสครบรอบ 10 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย และกำลังพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่
ในสภาวการณ์ดังกล่าว การเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการของประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ ถือเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่นาย เวืองดิ่งเหวะ เดินทางไปเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการในฐานะประธานสภาแห่งชาติเวียดนาม
ตามความเห็นของนาง เลทูห่า รองหัวหน้าคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของสภาแห่งชาติ ในกรอบการเยือนอินโดนีเซียครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะลงนามในข้อตกลงความร่วมมืออีกครั้งโดยมีเนื้อหาใหม่ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
“ทั้งสองฝ่ายจะผลักดันการพบปะทุกระดับ ระหว่างคณะกรรมาธิการต่างๆของรัฐสภา ผู้แทนรัฐสภา คณะผู้แทนรัฐสภาและกลุ่ม สสมิตรภาพเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์วิชาชีพด้านนิติบัญญัติ การตรวจสอบและการอนุมัติเนื้อหาสำคัญๆของประเทศ อีกทั้ง เห็นพ้องที่จะส่งเสริมบทบาทของสำนักงานนิติบัญญัติของทั้งสองประเทศในการตรวจสอบการส่งเสริมกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆ ตลอดจนสถานประกอบการปฏิบัติข้อตกลงที่ได้ลงนาม ผลักดันการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในการดำเนินงานของสภาแห่งชาติอย่างมีประสิทธิภาพ”
นาง เลทูห่า รองหัวหน้าคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของสภาแห่งชาติ (qdnd.vn) |
ยกระดับการต่างประเทศรัฐสภาพหุภาคี
ภายหลังการเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ นาย เวืองดิ่งเหวะ ประธานสภาแห่งชาติจะเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุม AIPA ครั้งที่ 44 และกล่าวสุนทรพจน์ที่สำคัญในการประชุมครบองค์ครั้งที่ 1
เพื่อเตรียมพร้อมให้แก่การประชุม AIPA ครั้ง 44 สภาแห่งชาติเวียดนามได้เสนอร่างมติ 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างมติเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลที่นำโดยสตรีและเพื่อสตรี ร่างมติเกี่ยวกับการส่งเสริมนวัตกรรม การถ่ายทอด การประยุกต์ใช้และการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืน และร่างมติเกี่ยวกับการส่งเสริมการประยุกต์ใช้คำแนะนำของอาเซียนเกี่ยวกับการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบในด้านอาหาร การเกษตรและป่าไม้ นาง เลทูห่า รองหัวหน้าคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของสภาแห่งชาติ กล่าวว่า
“นี่เป็นร่างมติที่สำคัญมากซึ่งสามารถช่วยให้อาเซียนใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูและการพัฒนาเศรษฐกิจ อีกทั้งใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาการเกษตร อาหารและป่าไม้ นี่เป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นอกจากร่างมติทั้ง 3 ฉบับแล้ว เวียดนามยังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและแสดงความคิดเห็นต่อร่างมติฉบับอื่น ๆ ของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ คณะกรรมาธิการสังคม และคณะกรรมาธิการด้านการเมืองในการประชุม สสสตรีรุ่นใหม่ และจะร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนร่างมติในคณะกรรมาธิการเหล่านี้”
ในการประเมินเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของเวียดนามใน AIPA นาง Ar. Siti Rozaimeriyanty เลขาธิการ AIPA ได้เผยว่า
“เวียดนามได้มีส่วนร่วมที่สำคัญต่อ AIPA และการประชุม AIPA ครั้งที่ 44 ในฐานะประเทศที่เข้าร่วมการประชุม AIPA อย่างเข้มแข็ง เวียดนามได้แสดงความคิดเห็นและมีความคิดริเริ่มที่สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับประสิทธิภาพของ AIPA ในการประชุม AIPA ครั้งที่ 44 ดิฉันเชื่อมั่นว่า เวียดนามจะมีบทบาทที่สำคัญในการผลักดันการหารือและกำหนดผลงานอีกครั้ง”
การเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการและการเข้าร่วมการประชุม AIPA ครั้งที่ 44 ของสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ จะมีส่วนร่วมเสริมสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย อีกทั้ง ยกระดับสถานะและบทบาทของเวียดนาม รวมทั้งสภาแห่งชาติเวียดนามในกลไกความร่วมมือรัฐสภาในภูมิภาคมากขึ้นเพื่อมีส่วนร่วมผลักดันความพยายามทางการทูตของพรรคและรัฐเพื่อผลประโยชน์ของประเทศและประชาชาติ.