ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ยุนซ็อก-ย็อล และภริยาเดินทางมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 22-24 มิถุนายน (VNA) |
การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีมีขึ้นในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังพัฒนาอย่างดีงามในทุกด้าน ตั้งแต่การเมืองและการทูตไปจนถึงความมั่นคง กลาโหม เศรษฐกิจ การศึกษาและฝึกอบรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วัฒนธรรม กีฬา การท่องเที่ยว แรงงานและการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน
ลักษณะความพิเศษของความสัมพันธ์ทวิภาคี
สัมพัธนไมตีและความผูกพันระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลีริเริ่มมาตั้งแต่หลายศตวรรษก่อนและผ่านความผันผวนทางประวัติศาสตร์มาหลายช่วงจนถึงวันที่ 22 ธันวาคมปี 1992 เวียดนามและสาธารณรัฐเกาหลีก็ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่นั้นมา บนพื้นฐานของความไว้วางใจทางการเมือง ความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรม ความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ การสนับสนุนกันด้านเศรษฐกิจและการแบ่งสรรผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ร่วมกัน ความสัมพันธ์เวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลีได้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง จริงจังและบรรลุผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากมาย
ทั้งสองประเทศได้กลายเป็นหุ้นส่วนชั้นนำของกันในหลายด้าน โดยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนเป็นทั้งเสาหลักและพลังขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี ปัจจุบัน สาธารณรัฐเกาหลีอยู่อันดับหนึ่งในจำนวนประเทศที่ลงทุนโดยตรงมากที่สุดในเวียดนาม อยู่อันดับที่ 2 ด้านความร่วมมือเพื่อการพัฒนาหรือ ODA แรงงานและการท่องเที่ยว และอยู่อันดับที่ 3 ด้านความร่วมมือทางการค้า ในขณะที่เวียดนามเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจรายใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเกาหลีในอาเซียน โดยการลงทุนของสาธารณรัฐเกาหลีในเวียดนามคิดเป็นร้อยละ 30 ของการลงทุนของสาธารณรัฐเกาหลีในกลุ่มอาเซียน ส่วนมูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลีก็คิดเป็นประมาณร้อยละ 50 ของยอดมูลค่าการค้ารวมระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับอาเซียน ซึ่งผลงานต่างๆเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ความสัมพันธ์เวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลีได้มีการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพและจริงจัง
ตามความเห็นของเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสาธารณรัฐเกาหลี เหงียนหวูตุ่ง การที่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ยุนซ็อก-ย็อล เลือกเวียดนามเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเดินทางมาเยือนและการเยือนนี้มีขึ้นหลังจากที่ทั้งสองประเทศยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านเป็นเวลาเพียง 6 เดือนได้แสดงให้เห็นลักษณะพิเศษของความสัมพันธ์ทวิภาคี การเยือนครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการที่รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีรวมทั้งประธานาธิบดี ยุนซ็อก-ย็อล ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สร้างสรรค์บนพื้นฐานแห่งความไว้วางใจและผลประโยชน์ร่วมกัน ส่วนนาง Oh Young Ju เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำเวียดนามเผยว่า
“เมื่อหวนมองช่วงเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลีได้พัฒนาอย่างเข้มแข็งในหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจ การทูตและการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน เป็นต้น โดยเฉพาะสามารถสร้างความสัมพันธ์ระดับประชาชนที่แน่นแฟ้น เราหวังว่า ในเวลาที่จะถึง สาธารณรัฐเกาหลีและเวียดนามจะยังคงส่งเสริมความร่วมมือในทุกด้านต่อไป การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดี สาธารณรัฐเกาหลียังมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งสารที่สำคัญคือ มุ่งมั่นที่จะนำผลประโยชน์มาสู่ประชาชน โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ของทั้งสองประเทศ และส่งเสริมความสัมพันธ์เพื่อมุ่งสู่อนาคต”
นาง Oh Young Ju เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำเวียดนาม (baoquocte.vn) |
กำหนดแนวทางความร่วมมือในอนาคต
การค้าและการลงทุนถือเป็นเนื้อหาที่ถูกเน้นให้ความสนใจในกรอบการเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดี ยุนซ็อก-ย็อล โดยในคณะผู้แทนที่เดินทางมาเวียดนามครั้งนี้ ยังมีผู้แทนสถานประกอบการ 205 แห่ง รวมถึงผู้บริหารของกลุ่มบริษัทชั้นนำ เช่น Samsung, SK, Hyundai และ Daewoo ซึ่งเป็นจำนวนผู้ประกอบการที่เดินทางพร้อมกับคณะผู้แทนของประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีที่ไปเยือนต่างประเทศมากที่สุดซึ่งแสดงให้เห็นว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การลงทุนและการค้าระหว่างทั้งสองประเทศกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและน่าประทับใจ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เหงวียนมิงหวู กล่าวว่า
“ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกประสบภาวะถดถอย ความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลีก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบในเชิงลบได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ยากลำบากและท้าทายนี้ ชุมชนสถานประกอบการของทั้งสองประเทศได้เร่งแสวงหาโอกาสและความร่วมมือใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อพัฒนา”
ในกรอบการเยือน ผู้นำของทั้งสองประเทศได้ร่วมกันจัดทำและเสนอแผนปฏิบัติการเพื่อปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในหลายด้าน ซึ่งเป็นเอกสารที่กำหนดแนวทางและแปรแนวทางให้เป็นมาตรการปฏิบัติเพื่อขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีให้กว้างลึกมากขึ้น ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับการแก้ไขอุปสรรคเพื่อฟื้นฟูกิจกรรมการค้าและการลงทุนและต้อนรับกระแสการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะ ข้อตกลงที่ได้รับการลงนามในครั้งนี้ยังนำไปสู่ความร่วมมือในด้านแรงงานและการลงทุนขนาดใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน การรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการก่อสร้างและการธำรงห่วงโซ่อุปทานด้านวัสดุและแร่ธาตุเชิงยุทธศาสตร์
อาจกล่าวได้ว่า ความสำเร็จของความสัมพันธ์เวียดนาม-สาธารณรัฐเกาหลีนั้นได้เสริมสร้างบนพื้นฐานแห่งความจริงใจและความไว้วางใจทางการเมือง ความคล่องตัวและความยั่งยืนในความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความผูกพันที่ใกล้ชิดลึกซึ้งในระดับประชาชน และการเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดี ยุนซ็อก-ย็อล ยังคงสร้างนิมิตหมายใหม่ให้แก่ “ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน” ระหว่างทั้งสองประเทศ.