(VOVworld) – ในการสัมมนาในหัวข้อ“มาตรการเพื่อผลักดันและยกระดับคุณภาพแหล่งเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเวียดนาม”ที่มีขึ้น เมื่อวันที่๑๕ที่ผ่านมาโดย บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่เวียดนามต้องมีนโยบายเพื่อใช้แหล่งเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือFDIในด้านและแขนงอาชีพที่จำเป็นตามแนวทางของรัฐบาลเวียดนามในปัจจุบันเพื่อยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพของการดึงดูดเงินทุนFDI
|
การดึงดูดเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเวียดนาม (Photo:Internet ) |
(VOVworld) – ตามข้อมูลสถิติ ภายหลัง๒๕ปีที่ดึงดูดเงินทุนFDI แหล่งเงินทุนนี้ได้ส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของเวียดนามโดยทุกปีมีโครงการที่ใช้เงินทุนFDIคิดเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าการส่งออก ภาคเศรษฐกิจที่มีเงินทุนFDIได้สร้างงานทำโดยตรงประมาณ๒ล้านตำแหน่งและโดยทางอ้อมอีกนับหมื่นตำแหน่ง ปัจจุบัน ในเวียดนามมีโครงการโดยตรงจากต่างประเทศที่กำลังดำเนินการกว่า๑๓.๕๐๐โครงการรวมเงินทุนจดทะเบียนทั้งหมด๒แสนล้านเหรียญสหรัฐแต่ในเวลาที่ผ่านมาการดึงดูด บริหารและใช้เงินทุนFDIยังมีข้อจำกัด เช่น ยังไม่สามารถใช้แหล่งเงินทุนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด การดึงดูดโครงการในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงยังมีน้อยมาก การถ่ายทอดเทคโนโลยียังเป็นไปอย่างล่าช้าและมีท้องถิ่นบางแห่งได้ฉกฉวยนโยบายดึงดูดเงินทุนFDIโดยไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและสังคมดังนั้นเพื่อยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพของการดึงดูด การบริหารและใช้แหล่งเงินทุนFDIอย่างยั่งยืนต้องปรับปรุงนโยบายดึงดูดเงินทุนFDIและกำหนดแนวทางการผลิตในอนาคตซึ่งนายBùi Quang Vinh รัฐมนตรีกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนามกล่าวว่า เวียดนามไม่มีความต้องการบรรลุเป้าหมายต่างๆพร้อมกันแต่ต้องการยกระดับคุณภาพของเงินทุนFDIซึ่งเพื่อเป้าหมายดังกล่าวจำเป็นต้องดึงดูดเทคโนโลยีชั้นสูงและต้องเน้นแขนงอาชีพและด้านที่เป็นจุดแข็งของเวียดนาม ส่วนนายNguyễn Mại ประธานสมาพันธ์สถานประกอบการที่ใช้เงินทุนFDI กล่าวว่า“ปัจจุบันพวกเรามีนโยบายดึงดูดเงินทุนFDI ดังนั้นในเร็วๆนี้พวกเราต้องปรับปรุงนโยบายนี้ตามแนวทางยกระดับคุณภาพของเงินทุนFDIและ ขยายการร่วมทุนระหว่างสถานประกอบการFDIกับสถานประกอบการภายในประเทศพร้อมทั้งมีการกำหนดแนวทางให้แก่ท้องถิ่น นิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจ” แม้ว่าเวียดนามจะมีแหล่งบุคลากรที่อุดมสมบูรณ์แต่อัตราแรงงานที่ผ่านการฝึกอบรมมีไม่มากนักซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต่างชาติกังวลเพราะส่งผลให้การผลิตไม่เต็มประสิทธิภาพ นายPhan Hữu Thắngผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการลงทุนจากต่างประเทศกล่าวว่า ต้องให้ความสนใจต่อการยกระดับคุณภาพแหล่งบุคลากร จากประสบการณ์ของหลายประเทศแสดงให้เห็นว่า การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรเป็นความได้เปรียบเชิงแข่งขันที่สำคัญและมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน ส่วนรองศาสตราจารย์ ดร.Phùng Xuân Nhạ รองผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยกล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและท้องถิ่นต่างๆต้องมีการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ด้านแหล่งบุคลากร “ถึงเวลาแล้วที่เวียดนามต้องลงทุนอย่างจริงจังเพื่อฝึกอบรมแหล่งบุคลกรที่มีคุณภาพสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะ ต้องเชื่อมโยงกับโครงการฝึกอบรมระดับนานาชาติเพื่อให้ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมสามารถทำงานได้ทันทีและนักลงทุนต่างชาติไม่ต้องฝึกอบรมใหม่” นายĐỗ Nhất Hoàngอธิบดีกรมการลงทุนจากต่างประเทศเผยว่า ในปี๒๐๑๒ การดึงดูดเงินทุนFDI จะเน้นด้านโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมเครือข่ายการผลิตของโลกและจะไม่ดึงดูดการลงทุนในด้านที่ก่อมลภาวะหรือมีความเสียบเปรียบดุลย์การค้า เช่น โครงการผลิตเหล็กกล้าและวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ควบคู่กับการพยากรณ์ที่ดีของผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนต่างชาติเกี่ยวกับความคืบหน้าของการดึงดูดเงินทุนFDI การที่รัฐบาลเวียดนามปรับปรุงนโยบายดึงดูดเงินทุนFDI จะสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขันของบรรยากาศการลงทุนพร้อมทั้งพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน./.