(VOVworld)- ประธานาธิบดีบัลแกเรีย รอเซน เพลฟเนเลียฟ กำลังอยู่ระหว่างการเยือนเวียดนามตั้งแต่วันที่27-31ตุลาคมเพื่อมุ่งผลักดันความสัมพันธ์ที่ยาวนานกว่า63ปีระหว่างบัลแกเรียกับเวียดนาม โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามสร้างสรรค์รูปแบบความร่วมมือใหม่ท่ามกลางสถานการณ์โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างซับซ้อน
ในช่วงที่ผ่านมาถึงแม้วิกฤตการเงินโลกได้ส่งผลกระทบต่อ บัลแกเรีย ซึ่งเป็นประเทศในเขตยุโรปตะวันออกเฉียงเหนือแต่เศรษฐกิจของประเทศนี้ก็ยังคงมีก้าวพัฒนาที่น่ายินดี โดยบัลแกเรียได้ประสบความสำเร็จในการลดหนีสาธารณะในรอบ10ปีที่ผ่านมาจากเดิมที่มีอัตราเท่ากับอัตราจีดีพีให้ลงเหลือร้อยละ16 รักษาอัตรางบประมาณขาดดุลและเงินเฟ้อให้ต่ำกว่าระดับถัวเฉลี่ยที่อียูกำหนดใน3ปีที่ผ่านมาและเป็นประเทศเดียวในอียูได้รับการเลื่อนอันดับความน่าเชื่อถือในช่วงวิกฤต ส่วนในด้านนโยบายต่างประเทศ นอกจากได้ให้ความสนใจก่อนต่อการผสมผสานอย่างสมบูรณ์กับอียูผ่านการเจรจาเข้าร่วมข้อตกลง เชงเกนและเขตยูโนโซนแล้ว บัลแกเรียยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศเอเชียรวมทั้งเวียดนาม

นักข่าววิทยุเวียดนามกับเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำบัลแกเรีย

ความไว้วางใจทางการเมือง

เวียดนามและบัลแกเรียมีความสัมพันธ์และร่วมมือกันมายาวนานกว่า60ปีและความสัมพันธ์ทางการเมืองในเวลาที่ผ่านมาได้พัฒนาอย่างดีงามมาตลอดและบัลแกเรียเป็นหนึ่งใน10ประเทศแรกในโลกที่ประกาศรับรอบและสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามเมื่อวันที่8กุมภาพันธ์ปี1950 อันเป็นการวางพื้นฐานให้แก่ความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือที่ยาวนานระหว่างสองประเทศ
ในภารกิจการต่อสู้ปลดปล่อยประชาชาติและพิทักษ์ปิตุภูมิ บัลแกเรียได้ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือเวียดนามทั้งในด้านจิตใจและวัตถุ จนถึงปัจจุบันนี้ ในนโยบายเปิดประเทศและขยายความสัมพันธ์กับภูมิภาคเอเชีย บัลแกเรียก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการกระชับความสัมพันธ์กับเวียดนาม ในขณะเดียวกันเวียดนามก็ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมมือในหลายด้านกับประเทศเพื่อนมิตรต่างๆในยุโรปตะวันออกและตะวันตกรวมทั้งบัลแกเรีย นายเลดึ๊กลิว เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำบัลแกเรียได้ยืนยันว่าปัจจุบันทั้งสองประเทศกำลังทำการสนทนาทางการเมืองระดับสูงเพื่อกระชับความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ประสานความร่วมมือในกรอบของภูมิภาคและระหว่างประเทศตลอดจนในปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน เวียดนามและบัลแกเรียจะพยายามกระชับการเเลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูงในปีนี้และปีต่อๆไป เพื่อมุ่งยกระดับความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างสองประเทศเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์

พยายามยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี

เพื่อปฏิบัติเป้าหมายยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามพิจารณาเพื่อกำหนดและร่างระเบียบการที่สอดคล้องเพื่อขยายและยกระดับประสิทธิภาพความร่วมมือในทุกด้านโดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจการค้า ในหลายปีมานี้ ความร่วมมือในด้านดังกล่าวได้มีพัฒนาการที่เข้มแข็ง มูลค่าการค้าต่างตอบแทนอยู่ที่70-80ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ปัจจุบัน บัลแกเรียมีโครงการเอฟดีไอ7โครงการในเวียดนามรวมเงินทุนประมาณ30ล้านเหรียญสหรัฐ เช่นโครงการแปรรูปกาแฟที่จ.เลิมด่งและโครงการด้านสิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่กรุงเก่าเว้ แต่อย่างไรก็ดีตามการประเมินของทั้งสองประเทศ ความร่วมมือนี้ยังไม่สมกับศักยภาพและจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นต้องมีการวางแผนอย่างรอบด้านเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศให้มากขึ้นในอนาคต เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำบัลแกเรียได้เผยว่าทั้งสองฝ่ายปรารถนาที่จะสร้างสรรค์รูปแบบความร่วมมือทวิภาคีใหม่บนพื้นฐานการส่งเสริมจุดแข็งของทั้งสองประเทศและผลักดันการส่งออกสินค้ากึ่งสำเร็จรูปของเวียดนามไปแปรรูปที่บัลแกเรียแล้วส่งต่อไปยังตลาดยุโรป  ซึ่งนับเป็นแนวคิดที่น่าสนใจและมีความเป็นไปได้สูงที่จะปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผล แต่ทั้งสองฝ่ายจะต้องปฏิบัติมาตรการที่พร้อมเพรียงทั้งด้านการปรับปรุงระเบียบนโยบาย แก้ไขอุปสรรคในด้านระเบียบราชการและประสิทธิภาพของการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างสองฝ่าย นอกจากนี้เพื่อใช้ประโยชน์จากการสนับสนุนของกองทุนต่างๆจากอียู ควรมีการตั้งโครงการวิจัยร่วมในด้านที่เป็นรูปธรรมต่างๆเช่นการเกษตร อุตสาหกรรม คมนาคมขนส่ง เพื่อสร้างก้าวกระโดดในความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศ
ควบคู่กับเศรษฐกิจ เวียดนามและบัลแกเรียได้ลงนามและกำลังปฏิบัติโครงการร่วมมือด้านการศึกษาช่วงปี2012-2016 ส่วนความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ทั้งสองฝ่ายเน้นในโครงการอนุรักษ์มรดกและบูรณะโบราณสถานแห่งประวัติศาสตร์ต่างๆของเวียดนาม สำหรับชมรมชาวเวียดนามกว่า1พันคนในบัลแกเรียก็กำลังเป็นสะพานเชื่อมกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างสองประเทศ
บนพื้นฐานความสัมพันธ์อันดีงามนั้น การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดีบัลแกเรีย จะประสบผลอย่างดีงามและเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือที่มีมาช้านานเท่านั้นหากยังช่วยเปิดกระบวนการร่วมมือทางเศรษฐกิจรูปแบบใหม่เพื่อนำความสัมพันธ์นั้นก้าวเข้าสู่ระยะแห่งการพัฒนาใหม่ที่มีประสิทธิภาพในเชิงลึกยิ่งขึ้น./.