พลังขับเคลื่อนเพื่อการขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนาม

Thu Hoa/VOV5
Chia sẻ
(VOVWORLD) - นอกจาก 3 ก้าวกระโดดเชิงยุทธศาสตร์คือการปฏิรูปกลไก การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการฝึกอบรมแหล่งบุคลากรแล้ว การเปลี่ยนแปลงใหม่ในเชิงสร้างสรรค์บนพื้นฐานอุตสาหกรรม 4.0 และการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนเป็นสองพลังขับเคลื่อนเพื่อการขยายตัวของเวียดนามในเวลาที่จะถึง นี่คือคำยืนยันของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ในฟอรั่มปฏิรูปและพัฒนาเวียดนามครั้งแรกซึ่งจัดโดยกระทรวงวางแผนและการลงทุน และธนาคารโลกสาขาเวียดนามเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ณ กรุงฮานอย
พลังขับเคลื่อนเพื่อการขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนาม - ảnh 1(baodautu.vn) 

เศรษฐกิจเวียดนามในปีต่อๆไปได้รับการประเมินว่า มีทั้งโอกาสและความท้าทาย แต่เวียดนามกำลังมีโอกาสทองเพื่อปฏิรูปและพัฒนา ดังนั้นคำถามที่วางไว้ในปัจจุบันคือต้องทำอย่างไรเพื่อให้เวียดนามสามารถใช้ทุกโอกาสได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะโอกาสจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อแสวงหาแผนการที่ดีที่สุดให้แก่การขยายตัวและการพัฒนาของเวียดนาม มุ่งสู่การสร้างก้าวกระโดดในการขยายตัว พัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน

เปลี่ยนแปลงใหม่อย่างมีความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐานการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0

การผลักดันความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 4.0 และการผลักดันการทำธุรกิจสตาร์ทอัพคือวิธีการเพื่อให้เวียดนามเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ในเวลาที่จะถึง  สำหรับปัญหานี้ นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้แสดงความเห็นว่า การทำธุรกิจสตาร์อัพอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ในเวียดนามไม่เคยพัฒนาอย่างเข้มแข็งและกว้างขวางเหมือนในปัจจุบัน และไม่เคยมีสถานประกอบการสตาร์ทอัพที่เปลี่ยนแปลงใหม่อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ซึ่งประสบความสำเร็จเหมือนในปัจจุบัน การทำธุรกิจสตาร์ทอัพก็ไม่ใช่เป็นขบวนการ หากเป็นจิตใจและความมุ่งมั่น ในการกล่าวปราศรัยในฟอรั่มเยาวชนทำธุรกิจสตาร์ทอัพ 2018 เมื่อเร็วๆนี้ ณ นครดานัง นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้ให้คำมั่นว่า จะสร้างสรรค์ระบบการทำธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อผลักดันจิตใจแห่งการทำธุรกิจสตาร์ทอัพอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ของเวียดนาม “ประชาชนและนักธุรกิจต้องเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างมีความคิดสร้างสรรค์และเดินพร้อมกับรัฐบาลเพื่อสร้างก้าวกระโดดในการพัฒนาเศรษฐกิจ เกาะติดและร่วมมือกับประเทศพัฒนา ฟอรั่มในวันนี้สร้างโอกาสให้แก่บรรดาผู้แทนดีเด่นของชมรมผู้ประกอบการทำธุรกิจสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ด้วยโครงการทำธุรกิจสตาร์ทอัพที่โดดเด่น แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจระหว่างกัน ด้วยเอกสารที่ได้รับการประกาศใช้ในเวลาที่ผ่านมา ทำให้ระบบการทำธุรกิจสตาร์ทอัพของเวียดนามอยู่อันดับที่ 3 ในกลุ่มอาเซียน โอกาสนี้ ผมให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะมุ่งมั่นอำนวยความสะดวกทุกเงื่อนไขเพื่อให้ระบบการทำธุรกิจสตาร์ทอัพของเวียดนามพัฒนาเข้มแข็งและสมบูรณ์มากขึ้นในปีต่อๆไป”

ในฟอรั่มปฏิรูปและพัฒนาเวียดนามครั้งแรก นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ยังยืนยันว่า รัฐบาลจะมีนโยบายที่เหมาะสม โดยเน้นถึงการปรับปรุงกรอบทางนิตินัย การปฏิบัติลิขสิทธิ์ทางปัญญา ปรับปรุงกลไกเชิงตลาดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มีความสมบูรณ์ สร้างความเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการกับสถาบันวิจัยต่างๆ การฝึกอบรมและบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์ พร้อมทั้งใช้แหล่งบุคลากร โครงสร้างพื้นฐานที่กำลังมีอยู่และงบประมาณแผ่นดินอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างสรรค์ระบบการทำธุรกิจสตาร์ทอัพและผลักดันการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างมีความคิดสร้างสรรค์

เร่งปฏิรูประเบียบราชการเพื่อผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน

ในเวลาที่ผ่านมา เศรษฐกิจภาคเอกชนเวียดนามได้ยืนยันถึงบทบาทในเศรษฐกิจมหภาคโดยมีส่วนร่วมต่อจีดีพีร้อยละ 40 อีกทั้งสร้างงานทำเกือบ 5 ล้านตำแหน่ง ซึ่งมีส่วนร่วมเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน ที่น่าสนใจคือนี่คือภาคเศรษฐกิจที่มีก้าวกระโดดในหลายด้าน เดินหน้าในการผลิต ประกอบธุรกิจในเวลาที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาของเศรษฐกิจภาคเอกชนในเวียดนามถึงแม้มีสัญญาณที่น่ายินดี แต่ยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาทางนิตินัย บรรยากาศการลงทุนและการประกอบธุรกิจของสถานประกอบการ ดังนั้นเพื่อให้เศรษฐกิจภาคเอกชนมีก้าวกระโดดในการพัฒนามากขึ้น การลดเงื่อนไขการประกอบธุรกิจคือปัญหาสำคัญในปัจจุบัน โดยไม่ใช่แค่ยกเลิกการกีดกันและแก้ไขอุปสรรคให้แก่สถานประกอบการเท่านั้น หากต้องสร้างเงื่อนไขเพื่อผลักดันการพัฒนาการผลิต สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่การขยายตัวด้านเศรษฐกิจอีกด้วย นาย โด่วแองต๊วน หัวหน้าคณะกรรมการด้านกฎหมายของหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามได้ยืนยันว่า “กระบวนการตรวจสอบและปฏิรูปเงื่อนไขการประกอบธุรกิจให้มีความกระทัดรัดคือกระบวนการที่ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ต้องมีกลไกตรวจสอบควบคุมที่เป็นอิสระเพื่อสามารถกำหนดเงื่อนไขการประกอบธุรกิจใหม่และการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจใหม่ ถ้าหากกระทรวงและหน่วยงานต่างๆสามารถกำหนดเงื่อนไขการประกอบธุรกิจได้อย่างสะดวก แต่ไม่พิจารณาเงื่อนไขในภาพรวมและสิทธิเสรีภาพในการประกอบธุรกิจก็จะนำไปสู่ความล้มเหลวในกระบวนการปฏิรูปเงื่อนไขการประกอบธุรกิจและระเบียบราชการในเวียดนาม”

นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้ยืนยันว่า การส่งเสริมบทบาทเป็นพลังขับเคลื่อนของเศรษฐกิจภาคเอกชนจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความคล่องตัวให้แก่เศรษฐกิจในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลก วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีจะมีการผันผวนในเวลาที่จะถึง รัฐบาลเวียดนามให้ความสนใจและมีปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน มุ่งสู่เป้าหมายจนถึงปี 2020 มีสถานประกอบการ 1 ล้านแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่คือสถานประกอบการเอกชน เพื่อแปรวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์พัฒนาของเวียดนามให้เป็นรูปธรรม.

Komentar