ผลักดันให้เศรษฐกิจภาคเอกชนกลายเป็นพลังขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ

Anh Huyền - Vũ Dũng
Chia sẻ
(VOVWORLD) - นอกจากเศรษฐกิจภาครัฐที่พัฒนาอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ รัฐบาลเวียดนามกำลังปฏิบัติมาตรการต่างๆเพื่อให้เศรษฐกิจภาคเอกชนพัฒนาอย่างสะดวกมากขึ้นและกลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยม สร้างอนาคตที่เจริญรุ่งเรืองและยั่งยืนมากขึ้นให้แก่เศรษฐกิจเวียดนาม
ผลักดันให้เศรษฐกิจภาคเอกชนกลายเป็นพลังขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ - ảnh 1ฟอรั่มเศรษฐกิจภาคเอกชนเวียดนาม (หนังสือพิมพ์จังหวัดแทงฮว้า) 

ภายหลัง 30 ปีของการเปลี่ยนแปลงใหม่ เศรษฐกิจภาคเอกชนได้กลายเป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจ เศรษฐกิจภาคเอกชนกำลังมีส่วนร่วมต่อจีดีพีเกือบร้อยละ 42 งบประมาณแผ่นดินร้อยละ 30 และจ้างงานในทั่วประเทศเกือบร้อยละ 85

การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่จากแนวทางและนโยบาย

นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงใหม่จนถึงปัจจุบัน ทัศนะและแนวทางของเวียดนามเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนยังคงมีความเสมอต้นเสมอปลายและนับวันได้รับการปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์ผ่านทุกระยะพัฒนา เศรษฐกิจภาคเอกชนถือเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจหลายภาคส่วนตามแนวทางสังคมนิยม เศรษฐกิจภาคนี้ได้รับการพัฒนาในทุกแขนงอาชีพและทุกด้านที่ไม่ขัดกับกฎหมาย ภายหลังกว่า 30 ปีที่ทำการเปลี่ยนแปลงใหม่ เศรษฐกิจภาคเอกชนในเวียดนามนับวันพัฒนา โดยมีสถานประกอบการที่กำลังดำเนินงานเกือบ 7 แสนแห่ง ซึ่งได้พิสูจน์อย่างเด่นชัดถึงทัศนะและแนวทางที่เสมอต้นเสมอปลายของพรรคและรัฐเวียดนาม

ทัศนะของพรรคและรัฐเวียดนามเกี่ยวกับเศรษฐกิจภาคเอกชนและการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนถูกระบุในหลักนโยบายการสร้างสรรค์ประเทศ เอกสารของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรค มติของส่วนกลางและยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจสังคม ซึ่งในนั้น แนวทางที่เสมอต้นเสมอปลายคือการพัฒนาเศรษฐกิจหลายภาคส่วนและยืนยันว่า เศรษฐกิจภาคเอกชนคือส่วนหนึ่งที่สำคัญของเศรษฐกิจประเทศ

ในเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดการพบปะ ส่งเสริมการลงทุนและการสนทนากับสถานประกอบการหลายครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความพยายามของรัฐบาลในการผลักดันการลดค่าใช้จ่ายให้แก่สถานประกอบการและการปฏิรูประเบียบราชการ รัฐมนตรีและหัวหน้าสำนักรัฐบาล มายเตี๊ยนหยุง ได้เผยว่า “นายกรัฐมนตรีได้จัดตั้งสภาที่ปรึกษาการปฏิรูประเบียบราชการของนายกรัฐมนตรี โดยมีหน้าที่พื้นฐาน 2 อย่างคือการเชื่อมโยงชมรมสถานประกอบการทั้งภายในและต่างประเทศ มีข้อเสนอเพื่อแก้ไขอุปสรรคให้แก่การผลิตและการประกอบธุรกิจ 2คือประเมินการปฏิรูประเบียบราชการของกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะการปรับปรุงตามมาตรฐานของธนาคารโลกเกี่ยวกับการปรับปรุงบรรยากาศการประกอบธุรกิจ”

ผลักดันให้เศรษฐกิจภาคเอกชนกลายเป็นพลังขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ - ảnh 2นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก กล่าวปราศรัยในฟอรั่มเศรษฐกิจภาคเอกชนปี 2019 

ปฏิรูปกลไกและนโยบายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน

ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจทุกภาคส่วนกำลังได้รับผลกระทบจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 และข้อตกลงการค้าเสรี การตระหนักได้ดีถึงโอกาสและความท้าทายเพื่อให้เศรษฐกิจภาคเอกชนพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับสถานประกอบการเท่านั้น หากยังต้องได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ รวมทั้งกลไก นโยบายที่เหมาะสมและมีความยุติธรรมคือสิ่งที่มีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม หวูเตี๊ยนหลก เสนอว่า “เพื่อปฏิบัติสิ่งนี้ การปฏิรูปกลไกมีบทบาทสำคัญ พวกเราเสนอว่า การปฏิรูปกลไกต้องเปลี่ยนจากการแก้ไขอุปสรรคและข้อสงสัยมาเป็นการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนการพัฒนาของสถานประกอบการ รวมทั้งสถานประกอบการภาคเอกชน ต้องแก้ไขกฎหมายสถานประกอบการครั้งนี้เพื่อมีมาตรการที่เป็นก้าวกระโดดเพื่อเปิดทางให้สถานประกอบการขนาดเล็กได้มีโอกาสเติบโตมากขึ้น”

จากสถานการณ์ที่เป็นจริง ประสิทธิภาพของการดำเนินงาน ส่วนร่วมของเศรษฐกิจภาคเอกชนให้แก่เศรษฐกิจ ไปจนถึงศักยภาพการพัฒนาในเศรษฐกิจโลก รัฐบาลเวียดนามกำลังปฏิรูปกลไกและนโยบายอย่างเข้มแข็งต่อไปเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนให้สามารถมีโอกาสแข่งขันและมีการขยายตัวอย่างเสมอภาคภายในประเทศ ในฟอรั่มเศรษฐกิจภาคเอกชนเวียดนามปี 2019 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ณ กรุงฮานอย ที่มีผู้ประกอบการกว่า 2,500 คนเข้าร่วม นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้ย้ำว่า “เศรษฐกิจภาคเอกชนมีความเสมอภาคตามที่ถูกระบุในกฎหมาย มีความเสมอภาคในการแข่งขันและการจัดสรรแหล่งพลังกับเศรษฐกิจภาคอื่นๆ โดยเฉพาะการเข้าถึงแหล่งพลัง และได้รับการคุ้มครองคือ สิทธิทรัพย์สิน สิทธิเสรีภาพในการประกอบธุรกิจ สร้างบรรยากาศที่โปร่งใสให้แก่เศรษฐกิจภาคเอกชนพัฒนา ได้รับการปกป้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะการลดการซ้ำซ้อนในการตรวจตรา ตรวจสอบ สร้างบรรยากาศที่โปร่งใสให้แก่เศรษฐกิจภาคเอกชนและสดุดีสถานประกอบการที่ประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”

ตามเป้าหมายที่วางไว้ จนถึงปี 2020 เวียดนามจะมีสถานประกอบการอย่างน้อย 1 ล้านแห่งที่มีส่วนร่วมต่อจีดีพีเกือบร้อยละ 50 และจะเพิ่มขึ้น 1.5 เท่าในปี 2025 ส่วนในปี 2030 จะมีสถานประกอบการภาคเอกชนอย่างน้อย 2 ล้านแห่ง โดยมีส่วนร่วมต่อจีดีพีประมาณร้อยละ 60-65 ซึ่งเพื่อปฏิบัติเป้าหมายนี้ รัฐบาลได้ให้คำมั่นที่จะเดินพร้อม จัดทำระบบกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอย่างเข้มงวดและโปร่งใส ผลักดันบทบาทของเศรษฐกิจภาคเอกชนต่อการพัฒนาของเศรษฐกิจทุกภาคส่วนของเวียดนาม.

Komentar