ผลักดันความสัมพันธ์เวียดนาม-อิตาลี

Ánh Huyền-VOV5
Chia sẻ
(VOVworld) – ท่าน มัตเตโอ เรนซี เป็นนายกรัฐมนตรีอิตาลีคนแรกที่เดินทางมา เยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทาง การทูตเมื่อปี 1973 การเยือนนี้ได้มีขึ้นในขณะที่ทั้งสองประเทศรำลึกครบรอบ 40 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วน ยุทธศาสตร์ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างให้ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอิตาลีมี ความลึกซึ้งยิ่งขึ้น

(VOVworld) – ท่าน มัตเตโอ เรนซี เป็นนายกรัฐมนตรีอิตาลีคนแรกที่เดินทางมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี 1973 การเยือนนี้ได้มีขึ้นในขณะที่ทั้งสองประเทศรำลึกครบรอบ 40 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างให้ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอิตาลีมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ผลักดันความสัมพันธ์เวียดนาม-อิตาลี - ảnh 1
ท่าน มัตเตโอ เรนซี เป็นนายกรัฐมนตรีอิตาลีคนแรกที่เดินทางมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ

เวียดนามและอิตาลีสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 23 มีนาคมปี 1973 ความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างสองประเทศได้รับการเสริมสร้างและพัฒนาอย่างเห็นได้ชัดในช่วงต้นปี 1990 โดยอิตาลีเป็นประเทศยุโรปตะวันตกประเทศแรกที่ให้การสนับสนุนการผลักดันความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปและในฟอรั่มระหว่างประเทศที่สำคัญต่างๆอย่างเข้มแข็ง ตลอดจนการปรับความสัมพันธ์กับองค์กรการเงินและการค้าระหว่างประเทศให้เป็นปกติ ทั้งสองประเทศธำรงการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูงเป็นประจำโดยในการพบปะต่างๆ ผู้นำของอิตาลียังคงยืนยันถึงความตั้งใจผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือในหลายด้านกับเวียดนามอยู่เสมอ ถือเวียดนามเป็นประเทศที่จะให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นจุดหมายปลายทางของสถานประกอบการอิตาลีตั้งแต่บัดนี้จนถึงปี 2020
ยกระดับความสัมพันธ์

เพื่อปฏิบัติความตั้งใจของผู้นำทั้งสองประเทศให้ความสัมพันธ์เวียดนาม-อิตาลีเข้าสู่ระยะใหม่อย่างเข้มแข็ง เมื่อวันที่ 21 มกราคมปี 2013 เวียดนามและอิตาลีได้ลงนามแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการจัดตั้งความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในโอกาสการเยือนอิตาลีระดับรัฐของท่าน เหงียนฟู๊จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ต่อจากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามแผนปฏิบัติการหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในช่วงปี 2013-2014 ในการประเมินเกี่ยวกับนิมิตหมายสำคัญนี้ระหว่างสองประเทศ ท่าน โลแรนโซ อันเกโลนี เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำเวียดนามได้ยืนยันว่าข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์มีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะมีไม่กี่ประเทศที่ลงนามข้อตกลงฉบับนี้โดยก่อนอิตาลีก็มีอังกฤษและเยอรมนีที่ได้ลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับเวียดนามเท่านั้น พวกเรากำลังรอคอยผลสำเร็จจากข้อตกลงฉบับนี้ ผมคิดว่า ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไม่เพียงแต่เสนอด้านที่พวกเราร่วมมือกันเท่านั้น หากยังสร้างบรรยากาศที่โปร่งใสและไว้วางใจระหว่างกันอีกด้วยซึ่งบนพื้นฐานนี้ พวกเราจะร่วมมือและผลักดันความสัมพันธ์เวียดนาม-อิตาลีได้ง่ายขึ้น”

ผลักดันความสัมพันธ์เวียดนาม-อิตาลี - ảnh 2
ท่าน โลแรนโซ อันเกโลนี เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำเวียดนาม

ถึงแม้มูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา แต่ตามการประเมินของทั้งสองฝ่ายนั้น ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ทัดเทียมกับศักยภาพด้านเศรษฐกิจของแต่ละประเทศโดยเมื่อปี 2013 มูลค่าการค้าระหว่างเวียดนามกับอิตาลีบรรลุ 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนเมื่อปี 2012 บรรลุ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ด้านการลงทุน จนถึงปี 2013 อิตาลีอยู่อันดับที่ 29ในจำนวน 100 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนามโดยมี 53 โครงการ รวมยอดเงินลงทุนเกือบ 295 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งส่วนใหญ่ลงทุนในด้านอุตสาหกรรมแปรรูป เครื่องจักรกล รองเท้าหนัง การก่อสร้าง สุขาภัณฑ์ เครื่องทำน้ำอุ่นและการแปรรูปเหล็ก เพื่อแปรความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ให้เป็นรูปธรรม เมื่อเร็วๆนี้ อิตาลีได้ระบุเวียดนามเข้ารายชื่อ 10 ตลาดเกิดใหม่ที่จะให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆเพื่อพัฒนาการค้าและการลงทุน ตามความเห็นของท่าน โลแรนโซ อันเกโลนี เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำเวียดนาม มีงานหลายอย่างที่ทั้งสองประเทศต้องปฏิบัติในเวลาที่จะถึงเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนปัจจุบัน พวกเรามีเงื่อนไขอย่างเพียงพอเพื่อมีก้าวพัฒนาให้แก่ความสัมพันธ์เวียดนาม-อิตาลี ในด้านเศรษฐกิจ เวียดนามและอิตาลีต่างมีความคล้ายคลึงกันคือ เศรษฐกิจเวียดนามและอิตาลีต่างพึ่งพาพื้นฐานพัฒนาของสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม พวกเรามีสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจในทั่วโลกและพวกเขาต้องมุ่งสู่เวียดนามซึ่งเป็นตลาดใหม่ เวียดนามก็มีสถานประกอบการที่พัฒนาแต่พวกเขาต้องมีเครื่องหมายการค้า ตลอดจนเทคโนโลยีของตน ดังนั้น การสร้างสะพานเชื่อมให้แก่สถานประกอบการอิตาลีและเวียดนามได้พบปะและร่วมกันทำงานเป็นสิ่งที่จำเป็นซึ่งหมายความว่า สถานประกอบการอิตาลีจะสามารถแสวงหาหุ้นส่วนเพื่อประกอบธุรกิจในเวียดนามและผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงของพวกเราจะผลิตในเวียดนามและส่งออกไปยังประเทศต่างๆในยุโรป”
ปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างเข้มแข็ง
ความสัมพันธ์เวียดนาม-อิตาลีในด้านอื่นๆ เช่น วัฒนธรรม การท่องเที่ยวและการศึกษาก็กำลังมีผลงานที่น่ายินดีโดยรัฐบาลอิตาลีได้ประสานกับองค์การยูเนสโกให้การช่วยเหลือเวียดนามปฏิสังขรณ์โบราณสถานทางประวัติศาสตร์หมีเซิน รวมเงินทุนกว่า 4 แสน 3 หมื่น 5 พันเหรียญสหรัฐ พร้อมทั้งช่วยฝึกอบรมและยกระดับความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมตามมาตรฐานสากลให้แก่นักโบราณคดี สถาปนิก ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์และเจ้าหน้าที่บริหาร ที่น่าสนใจคือการที่ทั้งสองประเทศจัดปีเวียดนาม ณ อิตาลีและปีอิตาลี ณ เวียดนามเมื่อปี 2013 อย่างสำเร็จในโอกาสรำลึกครบรอบ 40 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตได้สร้างความประทับใจเป็นอย่างมากให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ

บนพื้นฐานของสัมพันธไมตรีที่ดีงาม การเยือนเวียดนามครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีอิตาลีจะสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ในการเจรจาและพบปะต่างๆในกรอบการเยือนเวียดนามครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี มัตเตโอ เรนซีกับบรรดาผู้นำเวียดนามจะนำความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศพัฒนาอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้นในระยะต่อไปอย่างแน่นอน./.

Komentar