(VOVworld)-วันที่นี้ 12 สิงหาคม เวียดนามได้เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับนโยบายการทูตพหุภาคีเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นโอกาสเพื่อหารือถึงมาตรการยกระดับการทูตพหุภาคีของเวียดนาม ส่งเสริมส่วนร่วมที่เข้มแข็งของเวียดนามในปัญหาของทั้งภูมิภาคและโลก อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของเวียดนามในการมีบทบาทมากขึ้นบนเวทีโลกที่กำลังมีการพัฒนาศูนย์กลางในหลายภูมิภาค
ท่านเหงวียนเตินหยุงนายกฯเวียดนามกล่าวปราศรัยในนัดเปิดประชุม
|
มีผู้แทนหลายร้อยคนซึ่งเป็นตัวแทนของกระทรวง หน่วยงาน ท้องถิ่นและนักวิชาการต่างประเทศรวมทั้งอดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลกปาสกาล ลามี อดีตเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ จายาทา เดอฮานาปลา และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ จอร์จเยียว ซึ่งท่านเหงวียนเตินหยุงนายกฯเวียดนามก็ได้เข้าร่วมและกล่าวปราศรัยในนัดเปิดประชุมอันเป็นการยืนยันอีกครั้งถึงการที่เวียดนามได้ให้ความสนใจและให้ความสำคัญต่อประเด็นนี้
ประสบการณ์จากการทูตพหุภาคี
ในเวลาที่ผ่านมา จากการปฏิบัติแนวทางการผสมผสานเข้ากับโลกอย่างเข้มแข็ง เวียดนามได้ปรับเปลี่ยนสถานะในการเข้าร่วมกิจกรรมระหว่างประเทศต่างๆให้มีความคล่องตัวในเชิงรุก ร่วมเสนอข้อคิดริเริ่มและมีส่วนร่วมที่เป็นรูปธรรมด้วยความรับผิดชอบสูงในปัญหาความมั่นคงและการพัฒนาของภูมิภาคและโลก โดยในระดับภูมิภาค เวียดนามได้ส่งเสริมบทบาทของประเทศที่มีความรับผิดชอบเพื่อร่วมสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียน เสริมสร้างความสามัคคีและยกระดับบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในภูมิภาค ในระดับโลก เวียดนามได้เข้าร่วมกิจกรรมรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติด้วยเสียงสนับสนุนท่วมท้น ได้รับเลือกเป็นประธานสภาผู้ว่าการสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศหรือไอเออีเอและเป็นครั้งแรกที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลของอนุสัญญาปี1972เกี่ยวกับมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้ ซึ่งทั้งนี้ได้มีส่วนร่วมเสริมสร้างชื่อเสียงของเวียดนามบนเวทีโลก
นอกจากนั้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การพัฒนาแห่งสหประชาชาติ เฮเลนกลาร์ค ซึ่งเป็นประธานร่วมของกลุ่มประเทศพัฒนาแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นดีพีก็ได้เลือกเวียดนามเป็นสถานที่จัดประชุมกลุ่มหัวหน้าตัวแทนของประเทศต่างๆในภูมิภาคเพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งโอกาสนี้นาง เฮเลน กลาร์ค ได้กล่าวย้ำว่า“รายงานการพัฒนามนุษย์ปี2013ของยูเอ็นดีพีที่กล่าวถึงความก้าวหน้าของมนุษยชาติในโลกที่มีความหลากหลายก็ได้ยอมรับว่าเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความคล่องตัวและประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนามนุษย์ ความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของเวียดนามได้ช่วยให้เวียดนามปรับปรุงยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชาน แต่ถึงแม้ขณะนี้เวียดนามกำลังต้องรับมือกับภาวะการชลอตัวของการพัฒนาเศรษฐกิจแต่รัฐบาลเวียดนามได้ดำเนินกระบวนการปฏิรูปทางเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็งเพื่อกระตุ้นการขยายตัวและค้ำประกันการสานต่อและขยายผลความคืบหน้าด้านเศรษฐกิจสังคมที่น่ายกย่องในตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา”
ส่วนตามความเห็นของนายเลหว่ายจูงเอกอัครราชทูต หัวหน้าคณะผู้แทนถาวรเวียดนามประจำสหประชาชาติ ผลสำเร็จต่างๆในการปฏิบัติเป้าหมายแห่งสหัสวรรษของสหประชาชาติและส่วนร่วมที่เข้มแข็งของเวียดนามในกระบวนการปฏิรูปสหประชาชาติในเวลาที่ผ่านมาถือเป็นปัจจัยที่ช่วยยกระดับสถานะบทบาทและเสียงพูดของเวียดนามในปัญหาระหว่างประเทศ“สหประชาชาติกำลังดำเนิน3กระบวนการ หนึ่งคือการตรวจสอบการปฏิบัติเป้าหมายแห่งสหัสวรรษถึงปี2015 โดยจะมีการจัดประชุมระดับสูงเพื่อร่างโครงการพัฒนาในสหัสวรรษใหม่ สองคือการวางเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสามคือโครงการพัฒนาหลังปี2015 ซึ่งเวียดนามก็เป็นประเทศที่มีจุดแข็งในทั้ง3กระบวนการนี้และสหประชาชาติได้ชื่นชมผลงานของเวียดนามพร้อมทั้งอยากให้เวียดนามช่วยแลกเปลี่ยนประสบการณ์”
สร้างวิสัยทัศน์ระยะยาวให้แก่ทูตพหุภาคี
เวียดนามไม่เพียงแต่เข้าร่วมกลไกความร่วมมือพหุภาคีอย่างแข็งขันเท่านั้นหากในระยะยาว เวียดนามยังร่างแผนการให้แก่การเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดเอเปกปี2017 สมัครเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี2020-2021 ซึ่งการส่งเสริมแผนการระยะยาวพร้อมทั้งมีการเข้าถึงปัญหาพหุภาคีต่างๆในหลายรูปแบบจากนั้นระดมพลังที่เข้มแข็งของทุกหน่วยงานในกิจกรรมการทูตพหุภาคีคือปัจจัยที่รัฐบาลและหน่วยงานการทูตให้ความสนใจปฏิบัติ โดยในการประชุมหน่วยงานการทูตเวียดนาม ท่านฝามบิ่งมิงรองนายกฯและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้ชัดว่า“ต้องคิดเกี่ยวกับรูปแบบและมาตรการเพื่อส่งเสริมบทบาทสถานะของประเทศในปัจจุบันให้สูงขึ้นโดยเฉพาะในองค์การและฟอรั่มต่างๆเพื่อเป้าหมายด้านความมั่นคงและการพัฒนาประเทศ ไม่เพียงแต่จะเข้าร่วมอย่างแข็งขันเท่านั้นหากต้องมีส่วนร่วมในการร่างกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคและโลกที่เอื้อประโยชน์แก่เวียดนาม จากนั้นจะช่วยยกระดับสถานะและบทบาทของเวียดนามให้สูงเด่นยิ่งขึ้นบนเวทีโลก”
ในเวลาต่อไป กิจกรรมการทูตพหุภาคีไม่เพียงแต่จะดำเนินตามแนวทาง มีการเข้าร่วมอย่างกระตือรื้อร้นเพื่อธำรงสันติภาพ เสถียรภาพและแก้ไขปัญหาความท้าทายระดับโลกเท่านั้นหากยังมีส่วนร่วมในการธำรงบรรยากาศที่สันติภาพและเสถียรภาพในประเทศเพื่อการพัฒนา ดังนั้นจากการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ เวียดนามสามารถได้รับประสบการณ์มากมายในการวางแผนและดำเนินนโยบายการทูตพหุภาคี กระชับการมีส่วนร่วมในปัญหาที่ทั้งภูมิภาคและโลกกำลังจับตา โดยเฉพาะในอีก5-10ปีข้างหน้าเมื่อเวียดนามได้รับมอบหน้าที่̣ในองค์การระหว่างประเทศมากขึ้น./.