ประเทศยูเครนกับความท้าทายใหม่

Hong Van/VOV5
Chia sẻ
(VOVworld)-ผลการลงประชามติในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้ออกมาตรงตามที่คาดการณ์ไว้คือชาวยูเครนส่วนใหญ่ได้เห็นชอบกับการแยกตัวเป็นอิสระ ซึ่งได้ทำให้ความขัดแย้งภายในยูเครนยิ่งถล่ำลึกมากขึ้นพร้อมทั้งทำให้รัฐบาลรักษาการต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเมืองใหม่ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจประสบวิกฤตร้ายแรงและการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นในอีก2สัปดาห์ข้างหน้า

(VOVworld)-ผลการลงประชามติในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้ออกมาตรงตามที่คาดการณ์ไว้คือชาวยูเครนส่วนใหญ่ได้เห็นชอบกับการแยกตัวเป็นอิสระ ซึ่งได้ทำให้ความขัดแย้งภายในยูเครนยิ่งถล่ำลึกมากขึ้นพร้อมทั้งทำให้รัฐบาลรักษาการต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเมืองใหม่ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจประสบวิกฤตร้ายแรงและการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นในอีก2สัปดาห์ข้างหน้า

ประเทศยูเครนกับความท้าทายใหม่ - ảnh 1
การลงประชามติครั้งนี้ได้ดึงดูดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งท้องถิ่นไปลงคะแนนสูงเป็นประวัติกาล(Reuters)

การลงประชามติครั้งนี้ได้ดึงดูดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งท้องถิ่นไปลงคะแนนสูงเป็นประวัติกาล โดยจากผลการนับคะแนนเบื้องต้นที่ประกาศวันที่12พฤษภาคมปรากฎว่า ประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์ในเมืองลูฮันสตก์อยู่ที่ร้อยละ96และที่เมืองโดเนสตก์ที่ร้อยละ90 และส่วนใหญ่ต่างให้การสนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระ

ประชามติระหว่างประเทศแสดงท่าทีในหลายมิติ

ผลการลงประชามติใน2จังหวัดทางภาคตะวันออกของยูเครนถือเป็นการจุดชนวนให้แก่การถกเถียงระหว่างฝ่ายตะวันตกและรัสเซีย โดยทางฝ่ายรัสเซียได้ประกาศว่าจะให้ความเคารพต่อการลงประชามติดังกล่าวและเรียกร้องให้ปฏิบัติตามประชามตินั้นอย่างสันติผ่านการสนทนาระหว่างตัวแทนของทางการเคียฟกับเมืองโดเนสตก์และลูฮันสตก์โดยไม่มีการใช้ความรุนแรง ตลอดจนเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการยูเครนเปิดการสนทนาทั่วประเทศเพื่อหารือเกี่ยวกับโครงสร้างของยูเครนในอนาคต

แต่ขัดกับแถลงการณ์ของรัสเซีย ทางการเคียฟและฝ่ายตะวันตกได้เรียกการลงประชามตินี้ว่าเป็นเกมส์การเมืองที่ขำๆ โดยกระทรวงการต่างประเทศยูเครนได้ยืนยันว่าการลงประชามติจะไม่ส่งผลกระทบต่อความชอบธรรมด้านบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ส่วนสหรัฐประกาศไม่ยอมรับความชอบธรรมของการลงประชามตินี้ ซึ่งโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เจน ปาสกี ได้ยืนยันว่า การลงประชามติที่จัดโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในสองเมืองดังกล่าวมุ่งสร้างความแตกแยกในยูเครน ในขณะเดียวกัน ประธานสภายุโรป เฮอมาน วาน รอมปุยเห็นว่า นี่เป็นการลงประชามติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่น่าเชื่อถือ

วิกฤตการเมืองในยูเครนทวีความรุนแรง

หลังการประกาศผลการลงประชามติว่าด้วยการแยกตัวเป็นอิสระของนครโดเนสตก์และลูฮันสตก์เพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้นำ “สาธารณรัฐประชาชนโดเนสตก์”และ “สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสตก์” ก็ได้ประกาศเอกราชและอธิปไตยกับยูเครน โดยนาย เดนนิส ปูซีลิน ประธานร่วมของ“สาธารณรัฐประชาชนโดเนสตก์”ได้ยืนยันอธิปไตยของประเทศ“สาธารณรัฐประชาชนโดเนสตก์”พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัสเซียพิจารณาการผนวกรวมโดเนสตก์เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย โดยสภาแห่งรัฐสูงสุดของโดเนสตก์ซึ่งเป็นสำนักงานการปกครองสูงสุดของ“สาธารณรัฐประชาชนโดเนสตก์”จะรับผิดชอบการจัดตั้งรัฐบาล“สาธารณรัฐประชาชนโดเนสตก์”และสภาความมั่นคง

ส่วนนาย วาแลรี โบโลตอฟ “ผู้ว่าการประชาชน”แห่งลูฮันสตก์  ได้ประกาศว่าเส้นทางการพัฒนาของ“สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสตก์”คือลัทธิชาตินิยม เสรีภาพ การปฏิบัติตามกฎหมายและจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของทางการเคียฟ นอกจากนั้น“สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสตก์”ก็มีแผนที่จะส่งจดหมายถึงสหประชาชาติเพื่อขอระเบียบการเป็นรัฐอิสระและเรียกร้องการรับรองจากประชาคมระหว่างประเทศ

แต่สิ่งที่ทำให้ทางการยูเครนรู้สึกกังวลที่สุดคือฝ่ายที่เรียกร้องอิสระทั้งในโดเนสตก์และลูฮันสตก์ต่างประกาศไม่เข้าร่วมการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนในวันที่25พฤษภาคม ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ทางการยูเครนถือว่าจะช่วยแก้ไขวิกฤตปัจจุบันพร้อมทั้งจะพิจารณาการผนวกเข้ากับรัสเซีย ตลอดจนการจัดทำประชามติที่โดเนสตก์และลูฮันสตก์ยังอาจจะเป็นตัวอย่างให้แก่เขตอื่นๆในยูเครนในการที่จะจัดการลงประชามติด้วยเช่นกัน ซึ่งหากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงยูเครนก็เสี่ยงที่จะล่มสลายแน่นอน

ควบคู่กับปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างหนักที่สุดในขณะนี้ ยูเครนก็ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งที่ร้ายแรงระหว่างทางการและท้องถิ่นทางภาคตะวันออก ซึ่งสิ่งนี้เรียกร้องให้ทางการเคียฟต้องมีมาตรการที่คล่องตัวเพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่นี่มิใช่เรื่องง่ายและวิกฤตของยูเครนก็ไม่สามารถแก้ไขได้ในเร็ววัน./.

Komentar