ปัญหาคาบสมุทรเกาหลีต้องการมาตรการการทูตใหม่

Huyền-VOV5
Chia sẻ
(VOVworld)- วันที่30มกราคม สาธารณรัฐเกาหลีหรือเกาหลีใต้ได้ประกาศความสำเร็จในการยิงจรวดส่งดาวเทียมขึ้นวงโคจรซึ่งได้ทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดอีกครั้งจนทำให้ประชามติมีความกังวลว่าหากไม่มีมาตรการทางการทูตใหม่ที่มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น สถานการณ์ในภูมิภาคอาจจะไม่อยู่ในการควบคุมของทุกฝ่าย
(VOVworld)- ในขณะที่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีหรือเกาหลีเหนือยืนยันเดินหน้าทดลองขีปนาวุธครั้งที่3เพื่อตอบโต้มติคว่ำบาตรใหม่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการยิงจรวดติดดาวเทียมเมื่อเดือนธันวาคมปี2012ของเปียงยาง วันที่30มกราคม สาธารณรัฐเกาหลีหรือเกาหลีใต้ได้ประกาศความสำเร็จในการยิงจรวดส่งดาวเทียมขึ้นวงโคจรซึ่งได้ทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดอีกครั้งจนทำให้ประชามติมีความกังวลว่าหากไม่มีมาตรการทางการทูตใหม่ที่มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น สถานการณ์ในภูมิภาคอาจจะไม่อยู่ในการควบคุมของทุกฝ่าย
ปัญหาคาบสมุทรเกาหลีต้องการมาตรการการทูตใหม่ - ảnh 1
จรวดนาโรหรือ KSLV-1 ของสาธารณรัฐเกาหลีได้ถูกปล่อยขึ้นจากศูนย์อวกาศได้สำเร็จ

ตามแผนการที่วางไว้ จรวดนาโรหรือ KSLV-1 ของสาธารณรัฐเกาหลีได้ถูกปล่อยขึ้นจากศูนย์อวกาศในแนวชายฝั่งทางภาคใต้เมื่อบ่ายวันที่30มกราคมตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งบรรดาเจ้าหน้าที่ของสาธารณรัฐเกาหลีได้ยืนยันข่าวดังกล่าวพร้อมทั้งเผยว่านี่เป็นความพยายามส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรครั้งที่3ในรอบ4ปีที่ผ่านมาและเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นปัญหาที่ต้องจับตาหากมิได้เป็นความสำเร็จของสาธารณรัฐเกาหลีและความสัมพันธ์ระหว่างเปียงยางกับกรุงโซลได้พัฒนาไปอย่างราบรื่น แต่ความเป็นจริงกลับตรงกันข้ามเพราะจากความตึงเครียดระหว่างสองภาคเกาหลีบวกกับทัศนะที่เป็นอาริของทั้งสหรัฐและสาธารณรัฐเกาหลีในปัญหานิวเคลียร์ของเปียงยางได้ทำลายความพยายามต่างๆเพื่อฟื้นฟูสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ดังนั้นความสำเร็จของกรุงโซลในการยิงจรวดครั้งล่าสุดจึงได้ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านรู้สึกโกรธและออกมาแถลงว่า เป็นความอยุติธรรมเมื่อการยิงจรวดส่งดาวเทียมของเปียงยางต้องถูกลงโทษจากสหประชาชาติ

ซึ่งหลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ผ่านความเห็นชอบมาตรการลงโทษใหม่ต่อสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีต่อการยิงจรวดเมื่อวันที่12ธันวาคมปี2012 เปียงยางก็ได้ออกมาขู่ว่าจะทำการทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่3โดยเฉพาะในที่ประชุมองค์กรพรรคแรงงานเกาหลีเมื่อวันที่29มกราคมที่ผ่านมา นาย กิม กีนาม เลขาธิการพรรคดูแลปัญหาด้านสารสนเทศได้เรียกร้องให้ประชาชนเข้าร่วมการเผชิญหน้าครั้งประวัติศาสตร์เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามที่นับวันทวีรุนแรงขึ้นจากฝ่ายสหรัฐและสาธารณรัฐเกาหลี มิหนำซ้ำเปียงยางยังขู่ว่าจะโจมตีกรุงโซลหากประเทศนี้ยังคงสนับสนุนคำสั่งคว่ำบาตรใหม่ของสหประชาชาติและจะไม่เข้าร่วมการเจรจาใดๆที่เกี่ยวข้องกับการยุติโครงการนิวเคลียร์ของประเทศตน เพราะจุดยืนที่เสมอต้นเสมอปลายของเปียงยางในปัญหานิวเคลียร์ก็คือ การทดลองนิวเคลียร์เป็นความปรารถนาของประชาชนและจะไม่มีสิ่งใดที่สามารถขัดขวางการพัฒนาเป็นประเทศมหาอำนาจด้านการทหารได้ และอันที่จริงเปียงยางก็ได้ปฏิบัติสิ่งที่พวกเขาได้ข่มขู่มาตลอดดังนั้นการที่เปียงยางจะทำการทดลองนิวเคลียร์ครั้งใหม่ในเร็วๆนี้ก็มิใช่เรื่องแปลก โดยจนถึงขณะนี้ แหล่งข่าวทางทหารและข่าวกรองต่างๆของสาธารณรัฐเกาหลีได้รายงานว่า เปียงยางกำลังเตรียมความพร้อมให้แก่การทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่3ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของผู้นำคิมจองอิลผู้ล่วงลับหรือพิธีสาขบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีคนใหม่ปาร์คกึมเเฮ

จากสถานการณ์ในปัจจุบันบรรดานักวิเคราะห์สถานการณ์ได้แสดงความเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีมาตรการที่สมบูรณ์กว่าเพื่อใช้แทนมาตรการที่ขาดประสิทธิผลในเวลาที่ผ่านมา และที่สำคัญของปัญหาอยู่ที่ว่าในขณะที่เปียงยางยืนยันการปล่อยดาวเทียมเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเพื่อเป้าหมายพัฒนาประเทศให้เจริญเข้มแข็งยิ่งขึ้นนั้น วอชิงตันและกรุงโซลกลับถือว่าเป็นการทดลองอาวุธนิวเคลียร์และเป็นการยั่วยุที่คุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค  ซึ่งแรงกดดันจากประชาคมระหว่างประเทศหรือความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นกับสาธารณรัฐเกาหลีในการโน้มน้าวให้เปียงยางยกเลิกแผนการทดลองนิวเคลียร์อาจจะไม่บรรลุผลงานใดๆทั้งสิ้น แต่ที่ถือว่ามีความสำคัญในขณะนี้คือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องมีความอดกลั้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้นอีก ส่งผลเสียต่อเป้าหมายปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี แต่ถึงกระนั้น การที่กรุงโซลได้ทำการปล่อยดาวเทียมตรงกับช่วงที่สถานการณ์ยังคงร้อนแรงอยู่นั้นก็ถือเป็นการยั่วยุเพื่อให้เกิดความโกรธแค้นต่อทางการคิมจองอุนและคาบสมุทรเกาหลีจะไม่มีความสงบอีกต่อไปแน่นอน ส่วนสันติภาพของภูมิภาคนี้ก็จะยังอยู่ไกลเอื้อม./.


Komentar