นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เข้าร่วมวันงานสตาร์ทอัพแห่งชาติสำหรับนักเรียนและนักศึกษาครั้งที่ 4 |
ขยายผลขบวนการสตาร์ทอัพในหมู่นักศึกษา
ปี 2021 เวียดนามอยู่อันดับที่ 44 จากจำนวน 132 ประเทศและเศรษฐกิจในการเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรมและอยู่อันดับหนึ่งใน 34 ประเทศที่มีรายได้ปานกลางในระดับต่ำ ปัจจุบันนี้ มีองค์กรที่มีทักษะความสามารถในการสนับสนุนการทำธุรกิจสตาร์ทอัพกว่า 1,000 แห่งและสถาบันการศึกษาทุกแห่งต่างมีแผนการสนับสนุนให้นักเรียนและนักศึกษาทำธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งธนาคารโลกได้ชื่นชมว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในเอเชียตะวันออกที่ได้ลงทุนให้แก่การเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรม และมีสิทธิบัตรด้านการประดิษฐ์เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ในเวลาที่ผ่านมา ขบวนการสตาร์ทอัพในนักเรียนและนักศึกษาได้รับการขยายผลอย่างต่อเนื่อง โดยนับวันมีโครงการและไอเดียร์ธุรกิที่ดีมีคุณภาพมากขึ้น ถึงขณะนี้ มีโครงการสตาร์ทอัพของนักเรียนและนักศึกษากว่า 1,600 โครงการได้รับการแนะนำ ซึ่งในนั้นมีหลายโครงการได้รับการสนับสนุนเพื่อจัดตั้งสถานประกอบการหรือได้รับใบสั่งซื้อจากสถานประกอบการรายใหญ่ สถาบันการศึกษาต่างๆให้ความสนใจถึงการสตาร์ทอัพนวัตกรรมมากขึ้น โดยร้อยละ 75 ได้เปิดชั้นเรียนสอนทักษะความสามารถในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ ก่อตั้งกองทุนสนับสนุนนักเรียนนักศึกษาทำธุรกิจสตาร์ทอัพ เช่น กองทุน BK- Funds ของมหาวิทยาลัยโปลีเทคนิกฮานอย
แต่จากการเป็นประเทศที่มีกระบวนการสตาร์อัพช้ากว่าประเทศอื่นๆและมีช่องว่างในระบบนิเวศสตาร์ทอัพ ดังนั้น เพื่อพัฒนาเป็นประเทศที่เข้มแข็งด้านสตาร์อัพ เวียดนามต้องเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เพื่อพัฒนาทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ ดั่งข้อกำชับของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ในวันงานสตาร์ทอัพแห่งชาติสำหรับนักเรียนและนักศึกษาครั้งที่ 4 ที่มีขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า “ต้องถือเป็นหน้าที่หลักของทั้งระบบการเมือง มิใช่หน้าที่ของกระทรวง หน่วยงานหรือท้องถิ่นแห่งใดแห่งหนึ่ง ต้องส่งเสริมการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรมและแนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรม แก้ไขอุปสรรคและอคติ ผลักดันระบบนิเวศสตาร์ทอัพในการศึกษา โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยต่างๆ”
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กล่าวปราศรัยในงาน |
พรรคและรัฐให้ความสนใจอยู่เสมอต่อขบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรม
เวียดนามมีแนวทาง กลไก นโยบายและโครงการต่างๆที่อำนวยความสะดวกให้นักเรียนนักศึกษาทำธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะโครงการ 1665 ของรัฐบาล ซึ่งร่วมกับวันงานสตาร์ทอัพแห่งชาติที่จัดขึ้นประจำทุกปีเพื่อผลักดันจิตใจแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรม ซึ่งช่วยให้นักเรียนนักศึกษากล้าคิดกล้าทำเพื่อแปรความฝันให้เป็นความจริง
การสร้างสรรค์ระบบนิเวศการทำธุรกิจสตาร์ทอัพเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรมเป็นกระบวนการที่ยาวนาน ซึ่งต้องการวิสัยทัศน์ยาวนานและมาตรการยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ ในกระบวนนั้น เวียดนามให้ความสนใจถึงการลงทุนให้แก่แผนการสตาร์ทอัพของคนรุ่นใหม่ โดยในวันงานสตาร์ทอัพแห่งชาติครั้งที่ 4 สำหรับนักเรียนและนักศึกษา นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้กล่าวชี้ชัดว่า เพื่อผลักดันกระบวนการสตาร์ทอัพ จำเป็นต้องมีรัฐบาลแห่งนวัตกรรมและสังคมแห่งนวัตกรรม รัฐบาลจะเดินพร้อมกับเยาวชนอยู่เสมอในกระบวนการทำธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อสร้างคุณค่าให้แก่ชุมชนและมีส่วนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ “เพื่อให้มีการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ จำเป็นต้องมีการศึกษาด้านนวัตกรรม การทำธุรกิจสตาร์ทอัพที่เปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรมต้องเน้นพัฒนาจากพื้นฐาน จากความรู้ ทักษะความสามารถ ลักษณะและคุณธรรมของคนเวียดนามและคนรุ่นใหม่เวียดนาม ผมขอยืนยันการให้ความสนใจและการลงทุนของพรรค รัฐและนายกรัฐมนตรีต่อคนรุ่นใหม่ ต่อนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งพวกเราจะอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ให้แก่การสร้างสรรค์บรรยากาศการทำธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ด้านนวัตกรรม ผมมีความเชื่อมั่นว่า จากพลังที่เข้มแข็งแห่งวัยเยาว์ ในเร็วๆนี้ คนรุ่นใหม่เวียดนามจะสามารถสร้างคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ต่อทั้งเวียดนามและโลกได้”
ถ้าหากเปรียบเทียบกับหลายประเทศ เวียดนามมีความได้เปรียบในด้านประชากรคนรุ่นใหม่ ซึ่งหมายความว่า เวียดนามมีจำนวนเยาวชนและแรงงานรุ่นใหม่จำนวนมากและกำลังแสดงถึงบทบาทการเป็นเสาหลักของประเทศและเป็นเจ้าของของประเทศในอนาคต เป็นกองกำลังเดินหน้าในการสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่เป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและผสมผสานเข้ากับกระแสโลก จากความคาดหวังที่ก้าวรุดหน้าต่อไป การเปลี่ยนแปลงใหม่ความคิด ความเชื่อมั่นและความปรารถนา คนรุ่นใหม่เวียดนามกำลังมีส่วนร่วมต่อการแปรความฝันที่จะนำประเทศเวียดนามพัฒนาเป็นประเทศสตาร์ทอัพที่มีระบบเศรษฐกิจที่เข้มแข็งให้กลายเป็นความจริงโดยเร็ว.