ประธานประเทศ หวอวันเถือง (VNA) |
นี่คือการเยือนสหราชอาณาจักรครั้งที่ 2 ของประธานประเทศเวียดนามในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ ในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหราชอาณาจักรกำลังพัฒนาอยู่ในระดับที่ดีที่สุด โดยเฉพาะ ในปีนี้ ทั้งสองประเทศกำลังฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยมีการจัดกิจกรรมที่มีความหมายมากมาย
ผลงานที่โดดเด่นในความร่วมมือทวิภาคี
เวียดนามและสหราชอาณาจักรสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 กันยายนปี 1973 ในตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศได้รับการเสริมสร้างและพัฒนามาโดยตลอด โดยเฉพาะ เมื่อปี 2010 ทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ และเมื่อปี 2020 ได้อนุมัติแถลงการณ์ร่วมในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ซึ่งได้ช่วยเปิดกรอบและกลไกความร่วมมือมากมายระหว่างทั้งสองประเทศ เช่น การสนทนาเชิงยุทธศาสตร์ คณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า และกลุ่มปฏิบัติงานด้านกลาโหม เป็นต้น
ในด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีสหราชอาณาจักร-เวียดนามหรือ UKVFTA อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยอดมูลค่าการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรกับเวียดนามจนถึงปลายปีที่แล้วบรรลุประมาณ 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2010 หลังจากทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ปัจจุบัน สหราชอาณาจักรเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของเวียดนามในยุโรปและเป็นประเทศนำเข้าสินค้าเวียดนามรายใหญ่อันดับ 9 ของโลก ที่น่าสนใจคือ เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรได้เข้าร่วมข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกหรือซีพีทีพีพี ซึ่งเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกก่อตั้ง นาย Iain Frew เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำเวียดนามกล่าวว่า ข้อตกลงซีพีทีพีพีจะสนับสนุนข้อตกลงการค้าเสรีและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรกับเวียดนามให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำเวียดนาม Iain Frew (chinhphu.vn) |
จุดเด่นในความสัมพันธ์ทวิภาคีคือความร่วมมือด้านการศึกษา ปัจจุบัน สหราชอาณาจักรเป็นหุ้นส่วนชั้นนำของเวียดนามโดยมีโครงการการศึกษาข้ามชาติ 74 โครงการของมหาวิทยาลัย 23 แห่งในสหราชอาณาจักร เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำเวียดนาม Iain Frew แสดงความเห็นว่า
“ในปีนี้ ทั้งสองประเทศฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เราจึงเน้นถึง 3 ประเด็นเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและแสวงหาโอกาสเพื่อสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนใหม่ นั่นคือ การศึกษา ความยั่งยืนและการค้า ดังนั้น การศึกษา การฝึกอบรมด้านเทคนิคและการฝึกสอนอาชีพจึงเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของความร่วมมือระหว่างสองประเทศ”
เวียดนามและสหราชอาณาจักรยังคงกระชับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในปัญหาระดับโลก โดยเฉพาะ ในการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อมุ่งสู่โครงการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรมหรือ JETP เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามบันทึกช่วยจำเพื่อความร่วมมือเกี่ยวกับการสนับสนุนการปฏิบัติกองทุนความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้น เวียดนามจึงเป็นหนึ่งใน 3 ประเทศ นอกเหนือจากกัมพูชาและลาวที่ได้รับทุนสนับสนุนจำนวน 25 ล้านปอนด์ จากรัฐบาลสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นแหล่งพลังที่สำคัญสำหรับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในเขตแม่น้ำโขงตอนล่าง
ด้านการปกป้องอธิปไตย เวียดนามและสหราชอาณาจักรได้ย้ำถึงหลักการของเอกราช อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ซึ่งเป็นพื้นฐานเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนเป้าหมายและร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาที่เจริญรุ่งเรือง
นาย เหงียนหว่างลอง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหราชอาณาจักร (dangcongsan.vn) |
การพัฒนาที่ยั่งยืนจะเป็นเสาหลักของความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสหราชอาณาจักร
ในกรอบการเยือนสหราชอาณาจักรครั้งนี้ ประธานประเทศ หวอวันเถือง จะเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา พบปะกับผู้นำรัฐบาล รัฐสภาและคณะรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรบางคนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างเวียดนามกับรัฐบาลและพระราชวงศ์แห่งสหราชอาณาจักรเพื่อมีส่วนร่วมส่งเสริมความไว้วางใจทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ รวมทั้งพบปะกับตัวแทนของกลุ่มบริษัทด้านเศรษฐกิจสำคัญๆ สถาบันการศึกษาและองค์กรมิตรภาพที่มีส่วนร่วมที่สำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี นาย เหงียนหว่างลอง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหราชอาณาจักรกล่าวว่า
“เราคาดหวังว่า ความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสหราชอาณาจักรจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในเวลาที่จะถึง และการเยือนสหราชอาณาจักรครั้งนี้ของประธานประเทศ หวอวันเถือง จะสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศพัฒนาอย่างเข้มแข็ง ลึกซึ้งและยั่งยืน”
ในขณะเดียวกัน นาย Marcus Winsley อุปทูตของสหราชอาณาจักรประจำเวียดนามกล่าวว่า ในอีก 50 ปีข้างหน้า การพัฒนาที่ยั่งยืนจะเป็นเสาหลักของความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรปหรืออียูและสหราชอาณาจักรกำลังร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาพลังงานที่เป็นธรรมและยั่งยืนของเวียดนาม ในปีต่อๆไป จะมีการลงทุนประมาณ 1 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในความพยายามเพื่อเปลี่ยนแปลงพลังงานของเวียดนาม นี่เป็นปัญหาที่ยากมาก แต่ทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งมั่นปฏิบัติและเป็นส่วนหนึ่งของอนาคต
เวียดนามและสหราชอาณาจักรมีความร่วมมือเพื่อการพัฒนามาเป็นเวลา 50 ปี ความสำเร็จในตลอด 50 ปีที่ผ่านมาบวกกับมิตรภาพและความร่วมมือที่หลากหลายในด้านต่าง ๆ จะช่วยให้ความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างเวียดนามกับสหราชอาณาจักรพัฒนาต่อไป มีส่วนร่วมสร้างแรงผลักดันใหม่ให้แก่ความร่วมมือหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ.