(VOVworld)-ตามแผนการวันที่17กรกฎาคม สองภาคเกาหลีจะเปิดการเจรจาร่วมกันรอบที่4เพื่อหารือเรื่องการเปิดดำเนินการนิคมอุตสาหกรรมแกซองหลังจากที่การเจรจาใน3รอบที่ผ่านมายังไม่ได้ข้อสรุปที่น่าพอใจ เพราะถึงแม้ทั้งสาธารณรัฐเกาหลีและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีต่างแสดงท่าทีที่เข้มแข็งในการฟื้นฟูกิจกรรมในนิคมร่วมแห่งนี้แต่ก็ยังไม่เพียงพอเพื่อให้กิจการที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพียงแห่งเดียวระหว่างสองฝ่ายกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง
นิคมอุตสาหกรรมแกซอง
อาจกล่าวได้ว่าจะไม่มีฝ่ายใดได้รับประโยชน์จากการปิดดำเนินการนิคมอุตสาหกรรมแกซองเพราะนิคมอุตสาหกรรมมูลค่า900ล้านเหรียญสหรัฐที่บริษัทของสาธารณรัฐเกาหลีลงทุนร้อยเปอร์เซนแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีความหมายทางเศรษฐกิจเท่านั้น หากยังมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ทางสังคมอีกด้วยเมื่อสร้างงานให้แก่แรงงานสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีมากกว่า5หมื่นคน ดังนั้นการตัดสินใจปิดนิคมแห่งนี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้ทำให้มูลค่าการค้าเดือนพฤษภาคมระหว่างสองฝ่ายอยู่ที่0%และสร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าเกือบ1พันล้านเหรียญสหรัฐให้แก่บริษัทกว่า100แห่งของสาธารณรัฐเกาหลีที่ประกอบการในนิคมนี้ เพราะฉะนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงได้เสนอแผนการเปิดการเจรจารอบที่4ทันทีหลังการเจรจารอบที่3เมื่อบ่ายวันที่15ที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ โดยสาเหตุหลักยังคงเป็นการโยนความรับผิดชอบให้แก่กันต่อการยุติกิจกรรมของแกซองตลอดจนความขัดแย้งเรื่องวิธีการฟื้นฟูกิจกรรมของเขตนี้ ซึ่งในการเจรจาครั้งต่างๆ ทางการโซลได้เสนอให้เปียงยางมีความรับผิดชอบต่อความเสียหายของบริษัทสาธารณรัฐเกาหลีและต้องค้ำประกันว่าจะไม่ให้เกิดปัญหานี้ซ้ำอีก ตลอดจนให้พัฒนาเขตแกซองเป็นนิคมอุตสาหกรรมนานาชาติที่อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนด้วยซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำหรับเปียงยางในความพยายามเพื่อขัดขวางกิจกรรมของแกซอง ในขณะเดียวกัน หัวหน้าคณะเจรจาของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ปาร์ค ชอล-ซู ได้กล่าวหาทางการโซลว่าต้องมีความรับผิดชอบต่อการปิดดำเนินการนิคมแกซองเนื่องจากการซ้อมรบร่วมระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีและสหรัฐ ส่วนสื่อต่างๆของเปียงยางได้เรียกร้องให้ทางการโซลเปลี่ยนแปลงนโยบายและจุดยืนเพื่อยุติความชงักงันในการแก้ปัญหาของแกซอง
ทางด้านประชามติ ซึ่งเคยตั้งความคาดหวังว่าการเจรจาครั้งต่างๆจะนำมาซึ่งข้อตกลงร่วมมือที่สำคัญระหว่างสองฝ่ายนั้นก็เริ่มแสดงความวิตกกังวลว่า การเจรจารอบที่4นี้ก็อาจจะประสบความล้มเหลวเหมือนการเจรจารอบที่2ที่มีขึ้นเมื่อวันที่10และรอบที่3เมื่อวันที่15กรกฎาคมเนื่องจากไม่มีฝ่ายใดยอมถอย ซึ่งนาย จาง ยอง ซอค นักวิจัยชั้นนำของสถาบันสันติภาพและเอกภาพแห่งมหาวิทยาลัยโซลได้แสดงความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่การเจรจาเกี่ยวกับการรื้อฟื้นนิคมอุตสาหกรรมแกซองจะกลายเป็นกระบวนการที่ยาวนานเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างพยายามกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบในปัญหานี้
ทั้งนี้การที่สองภาคเกาหลีเปิดการเจรจาร่วมกันเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาของนิคมอุตสาหกรรมแกซองก็ถือเป็นความคืบหน้าในเบื้องต้นแล้ว แต่จากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นก็สามารถมองเห็นว่าขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของกระบวนการเจรจาเพิ่งจะเริ่มต้นและถ้าหากทั้งสองฝ่ายไม่มีการประนีประนอมกันปัญหาแกซองก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ซึ่งจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองภาคเกาหลีตกอยู่ในภาวะชงักงันต่อไป./.