(VOVworld)- วันที่8พฤศจิกายน นายกฯเดนมาร์ค เฮลเล ธอร์นนิ่ง-ชมิดท์ ได้เริ่มภารกิจต่างๆในกรอบการเยือนเวียดนามตามคำเชิญของนายกฯเวียดนาม ซึ่งแม้จะเป็นการเยือนในระยะสั้นๆเพียง2วันแต่ก็ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ดีงามระหว่างเวียดนาม-เดนมาร์คที่กำลังได้รับการธำรงเสริมสร้างให้มั่นคงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน
|
นายกฯทั้งสองประเทศ-VGP |
ตามแผนการเยือนเวียดนามภายในเวลาเพียง2วัน นอกจากได้เข้าร่วมการเจรจาและพบปะหารือกับบรรดาผู้นำเวียดนามแล้ว นายกฯเดนมาร์คยังเข้าร่วมการสัมมนาว่าด้วยความร่วมมือลงทุนประกอบธุรกิจและเป็นสักขีพยานการลงนามข้อตกลงร่วมมือทางการค้าระหว่างบริษัทของทั้งสองประเทศ โดยก่อนการเยือนนี้ นาย จอนห์ เนลเซน เอกอัครราชทูตเดนมาร์คประจำเวียดนามได้กล่าวยืนยันว่า การที่นายกฯเดนมาร์คให้เกียรติเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนของท่านนายกฯเองและของรัฐบาลเดนมาร์คในการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในการเยือนครั้งนี้ นายกฯเฮลเล ธอร์นนิ่ง-ชมิดท์ จะแนะนำและประกาศรณรงค์แผนการขยายกิจกรรมของเดนมาร์คในเวียดนามเพื่อมุ่งสู่การลงนามข้อตกลงร่วมมือในทุกด้าน ณ กรุงโคเปนเฮเกนในปีหน้า ซึ่งเมื่อหวนมองในกว่า40ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่สองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจะสามารถเห็นได้ว่า ในนโยบายต่างประเทศของเดนมาร์ค เวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ โดยประเทศยุโรปเหนือเดนมาร์คได้เป็นประเทศตะวันตกประเทศเเรกที่รับรองและสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี1971 และไม่เพียงแต่ได้สนับสนุนกระบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชของเวียดนามอย่างเข้มแข็งเท่านั้น แต่ในปัจจุบันเดนมาร์คยังคงสนับสนุนเวียดนามปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่และผสมผสานเข้ากับกระแสโลกต่อไป
ตามความเห็นของเอกอัครราชทูตเดนมาร์คประจำเวียดนาม ปัจจุบันเวียดนามอยู่ในกลุ่ม10ตลาดเกิดใหม่ที่บรรดาผู้นำเดนมาร์คและชมรมผู้ประกอบการให้ความสนใจเป็นพิเศษ ตามข้อมูลของปี2011 มูลค่าการค้าทวิภาคีเวียดนาม-เดนมาร์คบรรลุ400ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า100ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับปี2010 ในด้านการลงทุน เดนมาร์ค จัดอยู่อันดับที่25ในจำนวน93ประเทศและดินแเดน และอยู่อันดับที่7ในกลุ่มประเทศอียูที่ลงทุนในเวียดนามมากที่สุดด้วยยอดเงินทุนจดทะเบียนกว่า620ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะนี้มีสถานประกอบการเดนมาร์ค130แห่งกำลังประกอบธุรกิจในเวียดนามและตัวเลขนี้ถือว่าน่าประทับใจมากสำหรับประเทศที่มีประชากรน้อยดั่งเช่นเดนมาร์ค แต่อย่างไรก็ดีศักยภาพการลงทุนยังมีสูงมากเพราะในเวลาที่ผ่านมาการลงทุนของสถานประกอบการเดนมาร์คเน้นเพียงในด้านอุตสาหกรรมแปรรูป การผลิตเครื่องจักรกลและอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เอกอัครราชทูตเดนมาร์ค จอนห์ เนลเซน กล่าวว่าผมเห็นว่าศักยภาพความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายยังมีสูงมาก เนื่องจากเวียดนามมีจุดแข็งด้านขีดความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาค โดยฉพาะมีแรงงานรุ่นใหม่ที่อุดมสมบูรณ์และค่าแรงต่ำ ส่วนเดนมาร์คสามารถนำเทคโนโลยีใหม่มาสู่เวียดนาม ให้การช่วยเหลือด้านการฝึกอบรมและสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องจักรต่างๆ
|
เป็นสักขีพยานการลงนามข้อตกลงร่วมมือทางการค้า-VGP |
ในระยะปัจจุบัน โดยเฉพาะในโอกาสที่ทั้งสองประเทศได้รำลึกครบรอบ40ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต สิ่งที่บรรดาผู้นำเดนมาร์คและเวียดนามต่างย้ำถึงและแลกเปลี่ยนความเห็นร่วมกันก็คือ ทำอย่างไรเพื่อนำความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพัฒนาก้าวเข้าสู่ระยะใหม่พร้อมการเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนให้มากยิ่งขึ้น โดยเวียดนามควรส่งเสริมจุดแข็งให้เต็มที่เพื่อดึงดูดแหล่งเงินทุนจาก1ใน10เศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพที่สุดของโลกนี้ให้มากยิ่งขึ้นส่วนทางฝ่ายเดนมาร์คก็ควรใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตลาดเวียดนามที่มีประชากร86ล้านคนให้เต็มที่เพื่อผลักดันความร่วมมือลงทุน เอกอัครราชทูตเดนมาร์ค เผยว่าบรรดาผู้ประกอบการเวียดนามควรเน้นลงทุนด้านเทคโนโลยีเพราะนี่คือจุดแข็งของเดนมาร์ค ส่วนเดนมาร์คสามารถช่วยเวียดนามพัฒนาเครื่องหมายการค้าผ่านการแนะนำเครื่องหมายการค้าใหม่และส่งเสริมเครื่องหมายการค้าภายในประเทศในตลาดเวียดนาม ตลอดจนช่วยให้สถานประกอบการเวียดนามเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงกว่า ควบคู่กับการขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน เวียดนามและเดนมาร์คยังเห็นพ้องกันในการร่วมมือปฏิบัติโครงการโอดีเอต่างๆที่เดนมาร์คได้สงวนให้แก่เวียดนาม ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ จำนวนเงินโอดีเอที่เดนมาร์คสนับสนุนแก่เวียดนามคิดเป็น1พันล้านเหรียญสหรัฐโดยส่วนใหญ่เน้นอุปถัมภ์ให้แก่ภาคการเกษตร วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและการแก้ปัญหาความยากจน ถึงแม้ว่าปัจจุบันเวียดนามได้กลายเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางโดยพื้นฐานแล้วแต่เดนมาร์คยังคงให้คำมั่นที่จะช่วยเหลือเงินโอดีเอแก่เวียดนามจนถึงปี2015โดยจะเน้นในด้านการเพิ่มทักษะในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งตามความเห็นของรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเวียดนาม เหงวียนมิงกวาง คำมั่นของเดนมาร์คได้สะท้อนให้เห็นถึงการรับทราบและให้ความสำคัญต่อการใช้แหล่งเงินโอดีเออย่างมีประสิทธิภาพของเวียดนาม รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามได้ให้ความสำคัญต่อโครงการช่วยเหลือต่างๆของเดนมาร์คและพยายามใช้ประโยชน์จากการช่วยเหลือนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของเดนมาร์คต่อเวียดนามรวมทั้งยืนยันถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของเวียดนามในการร่วมมือกับนานาประเทศเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
บนพื้นฐานความสัมพันธ์อันดีงามในกว่า40ปีที่ผ่านมา การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของนายกฯเดนมาร์ค เฮลเล ธอร์นนิ่ง-ชมิดท์ จะเปิดโอกาสใหม่แห่งความร่วมมือที่จะสร้างเป็นพลังขับเคลื่อนในการผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพัฒนาเข้มแข็งยิ่งขึ้น./.