(VOVworld) – ในการอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ สังคม วันที่๒๔ตุลาคม ที่ประชุมรัฐสภาครั้งที่๖ สมัยที่๑๓ ได้เน้นอภิปรายภาพรวมเศรษฐกิจและการกำหนดแนวทางพัฒนาในอนาคต

วางยุทธศาสตร์พัฒนาระยะยาว

ในภาพรวม ผู้แทนจำนวนมากให้ข้อสังเกตุว่า ปี๒๐๑๓ เศรษฐกิจเวียดนามจะยังไม่สามารถหลุดพ้นจากระยะที่ลำบากซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการขยายตัวที่ล่าช้า การฟื้นฟูและการดึงดูดเงินลงทุนที่ขาดประสิทธิภาพ ดังนั้น ควรมีนโยบายที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างเด็ดขาดซึ่งนายเจิ่นยูหลีก ผู้แทนรัฐสภานครโฮจิมินห์เสนอให้รัฐบาลวางยุทธศาสตร์พัฒนาในระยะยาวโดยไม่ควรแยกการวางแผนต่างหากจากปี๒๐๑๔  รวมทั้งต้องคำนึงถึงแผนการระยะปานกลางและในช่วงปี๒๐๑๔ถึงปี๒๐๑๕“ควรวางเป้าหมายอัตราการขยายตัวเฉลี่ยภายใน๒ปีให้อยู่ที่ประมาณร้อยละ๖ แต่ไม่ควรปฏิบัติอย่างรีบร้อน แสวงหาแนวทางต่างๆเพื่อผลักดันอุปสงค์อุปทานในตลาด ดัชนีราคาผู้บริโภคใน๒ปีที่จะถึงควรพยายามควมคุมให้อยู่ที่ร้อยละ๗ รัฐบาลเสนอให้เพิ่มตัวเลขการขาดดุลงบประมาณในช่วงปี๒๐๑๔ถึงปี๒๐๑๕ให้อยู่ที่ร้อยละ๕.๓ซึ่งเหมาะกับระยะสั้นแต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องแก้ไขอุปสรรคในการเพิ่มสินเชื่อเพราะถ้าสินเชื่อไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ถึงร้อยละ๑๕ เศรษฐกิจก็ยากที่จะหลุดพ้นจากภาวะซบเซา การสร้างเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคยังคงเป็นหน้าที่ประการแรกตั้งแต่บัดนี้จนถึงปี๒๐๑๕เพื่อเน้นปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ”

นายเจิ่นยูหลีก ผู้แทนรัฐสภานครโฮจิมินห์ (Photo: dân trí )

จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ

            เกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจโดยเน้นใน๓ด้านที่สำคัญคือ การลงทุนสาธารณะ ระบบธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินและระบบสถานประกอบการภาครัฐซึ่งถึงแม้รัฐบาลได้ปฏิบัติแล้วแต่ผู้แทนรัฐสภาเห็นว่า ยังไม่ประสบผลตามที่คาดหวังไว้ นายเจืองจ่องเหงีย ผู้แทนรัฐสภานครโฮจิมินห์เสนอว่า ควรจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งประกอบด้วย สมาชิกรัฐสภา องค์กร หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการกำหนดราคาและตรวจสอบอย่างอิสระ ที่จะดำเนินการอย่างเป็นทางการโดยเริ่มตั้งแต่ปี๒๐๑๔ ส่วนนายดิงซวนท๋าว ผู้แทนรัฐสภากรุงฮานอยเสนอให้รัฐบาลวิเคราะห์ ตีความและเสนอมาตรการที่เข้มแข็งต่างๆเพื่อผลักดันการลงทุนสาธารณะ ซึ่งรวมทั้งสถานประกอบการภาครัฐ นายเจิ่นยูหลีกผู้แทนรัฐสภานครโฮจิมินห์เสนอว่า ถ้ารัฐอยากแปรสถานประกอบการภาครัฐเป็นบริษัทหุ้นส่วน สำหรับสถานประกอบการใดที่ไม่ถือหุ้นต้องนำเงินทุนนั้นไปใช้ในงานอื่นอย่างเด็ดขาด “พวกเราแปรบริษัทลูกเป็นหุ้นส่วน แล้วนำเงินดังกล่าวไปลงทุนให้แก่บริษัทแม่ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพ ผมเห็นว่า รัฐควรถือหุ้นร้อยละ๕๑ ส่วรหุ้นที่เหลือร้อยละ๔๙จะขายในตลาดหลักทรัพย์ ถ้าต้องการจัดระเบียบใหม่ก็ต้องมองในภาพรวมในแต่ละกลุ่ม และด้านต่างๆที่รัฐควรลงทุน และกำหนดแนวทางให้แก่ตลาด แล้วทุ่มเทกำลัง ถ้าหากไม่อยากให้แหล่งเงินทุนนี้ถูกใช้อย่างฟุ่มเฟือย ในขณะที่พวกเรายังคงต้องกู้เงินทุนเพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลและปฏิบัติโครงการสาธารณะ”             

นายเจืองจ่องเหงียผู้แทนรัฐสภานครโฮจิมินห์(Photo: giao duc thoi dai )

ส่วนการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจก็ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นระบบ นายเจิ่นซวนหว่า ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดกว่างนิงห์กล่าวว่า “มติการประชุมคณะกรรมการกลางพรรค ครั้งที่๓ สมัยที่๑๑เกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจถือว่าถูกต้องแต่มาตรการปฏิบัติยังไม่สมบูรณ์ และเพื่อปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพต้องรับฟังความคิดเห็นจากหลายๆฝ่าย”  เกี่ยวกับการปฏิบัติแผนพัฒนา๕ปีในช่วงปี๒๐๑๑ถึงปี๒๐๑๕ เหลือเวลาอีกไม่มากนัก  อย่างไรก็ดี  ที่ประชุมรัฐสภาเห็นว่า รัฐบาลไม่ควรรีบร้อนกระตุ้นอุปสงค์เพื่อการเติบโตอย่างเดียวแล้วก็จำเป็นต้องค้ำประกันคุณภาพของการขยายตัวและการสร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจมหภาคซึ่งถือเป็นหน้าที่ประการแรก  รัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่า อัตราการขยายตัวเฉลี่ยจะอยู่ที่ร้อยละ๖ในช่วงปี๒๐๑๔ถึงปี๒๐๑๕ ข้อเสนอของผู้แทนรัฐสภา มาตรการและ การบริหารของรัฐบาลจะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างมั่นคงยิ่งขึ้นในเวลาที่จะถึง./.

Hồng Vân