(VOVworld) – หลังจากที่ทำการเจรจามาหลายครั้ง ทางการของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดได้อนุญาตให้คณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธของสหประชาชาติเข้ามาตรวจสอบสถานที่๓แห่งที่สงสัยว่า มีการใช้อาวุธเคมีโดยไม่สนใจว่า ฝ่ายใดเป็นผู้ใช้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในซีเรียใน๒วันที่ผ่านมาทำให้ประชามติมีความวิตกกังวลว่า มีกองกำลังที่จงใจใช้อาวุธเคมีเป็นโล่บังหน้าเพื่อแทรกแซงประเทศนี้
|
ผู้เคราะห์ร้าย เมื่อวันที่๑๙ที่ผ่านมา (Photo:times.co.UK ) |
คณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธของสหประชาชาตินำโดยนายAake Sellstroem ผู้เชี่ยวชาญชาวสวีเดนได้เดินทางถึงกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่๑๘เดือนนี้ โดยแถลงว่า จะทำการตรวจสอบอย่างอิสระและยุติธรรม ตามแผนการ คณะจะทำการตรวจสอบสถานที่๓แห่งโดยที่แรกคือKhan A al Assalซึ่งรัฐบาลกล่าวหาว่า ฝ่ายกบฏใช้อาวุธเคมีทำให้มีผู้เสียชีวิต๒๖คนเมื่อวันที่๑๙มีนาคมที่ผ่านมา ส่วนฝ่ายกบฏกล่าวหาว่า รัฐบาลเป็นฝ่ายโจมตี และสหประชาชาติยังไม่ได้เปิดเผยสถานที่อีกสองแห่งที่เหลือ การตรวจสอบของสหประชาชาติมีขึ้นหลังจากได้รับรายงาน๑๓ฉบับจากอังกฤษ ฝรั่งเศสและสหรัฐเกี่ยวกับการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย แม้ว่าจะไม่ได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง แต่ดูเหมือนว่า ประชามติก็สามารถคาดคะเนได้ว่า รายงานฉบับเหล่านี้กล่าวถึงปัญหาอะไร โดยฝรั่งเศสยืนยันว่า มีการใช้ก๊าซพิษซารินหลายครั้งในซีเรีย ส่วนทำเนียบขาวก็มีคำสงสัยว่า รัฐบาลซีเรียเป็นฝ่ายใช้อาวุธนี้โดยวอชิงตันเคยเตือนว่า การที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ล้ำเส้น"แดง" ซึ่งทำให้ประชาคมระหว่างประเทศต้องมีปฏิบัติการแทรกแซงทางทหาร ในทางเป็นจริง แม้จะกล่าวหาว่า ซีเรียมีอาวุธเคมีที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทไว้ในครอบครอง แต่จนถึงปัจจุบัน สหรัฐและประเทศตะวันตกยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน หากหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐหรือCIA คาดว่า ซีเรียอาจมีอาวุธเคมีนับร้อยลิตรไว้ในครอบครองและแต่ละปีสามารถผลิตสารพิษนับร้อยตันซึ่งถือเป็นคลังอาวุธเคมีที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ในการตอบโต้คำกล่าวหาดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศซีเรียยืนยันว่า ซีเรียไม่มีวันใช้อาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้างสูงหรืออาวุธใดๆที่ถูกห้ามที่ซีเรียกำลังมีไว้ในครอบครองเพื่อต่อต้านประชาชนผู้บริสุทธิ์ แม้ว่า วิกฤติทางการเมืองจะรุนแรงแค่ไหนก็ตามโดยจะใช้อาวุธเหล่านี้ก็ต่อเมื่อซีเรียถูกโจมตีจากภายนอก นายBashar Jaafari เอกอัครราชทูตซีเรียประจำสหประชาชาติกล่าวว่า การที่ฝ่ายตรงกันข้ามปล่อยข่าวว่า ซีเรียใช้อาวุธเคมีมีวัตถุประสงค์ทางการเมือง จากการเห็นด้วยกับทัศนะนี้ รัสเซียได้กล่าวว่า บางประเทศตะวันตกจงใจปลุกปั่นปัญหาอาวุธเคมีในซีเรียให้ใหญ่ขึ้นและเตือนว่า โลกเคยประจักษ์กับตาตนเองถึงการแทรกแซงอิรักโดยใช้ข้ออ้างว่า อิรักมีอาวุธที่มีอนุภาพการทำลายล้างสูง แต่ในที่สุดก็เป็นการโกหกมดเท็จ
ขณะที่ปัญหาอาวุธเคมีในซีเรียยังไม่ชัดเจน แต่ประเทศตะวันตกก็รีบใช้เป็นข้ออ้างเพื่อยกเลิกคำสั่งคว่ำบาตรทางอาวุธต่อกองกำลังฝ่ายค้านในซีเรีย ครั้งนี้ หลังจากที่คณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธของสหประชาชาติมาซีเรียได้เพียง๒วัน บรรดานักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านในซีเรียได้โพสภาพศพผู้เสียชีวิตบนเว็บไซท์ที่ชานกรุงดามัสกัสพร้อมทั้งกล่าวว่า นี่คือบรรดาผู้เคราะห์ร้ายล่าสุดจากการโจมตีด้วยอาวุธเคมีของรัฐบาล เมื่อคืนวันที่๒๐สิงหาคม กลุ่มสภาแห่งชาติซีเรียหรือSNCฝ่ายค้านได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประชุมฉุกเฉิน นาย วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษกล่าวว่า อังกฤษจะยื่นเสนอการโจมตีดังกล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและหวังว่า การโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรียจะเป็นการเตือนความใส่ใจผู้สนับสนุนประธานาธิบดีบาซาร์ อัลอัซซาดเกี่ยวกับธาตุแท้ของระบอบนี้ ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศสเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบของสหประชาชาติไปยังที่เกิดเหตุ ในขณะเดียวกัน กองทัพซีเรียปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยถือว่า นี่เป็นสัญญาณของความบ้าคลั่งและความว้าวุ่นของกองกำลังต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ส่วนกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียให้ข้อสังเกตุว่า ดูเหมือนว่า คำกล่าวหานี้มุ่งหวังทำลายความพยายามจัดการประชุมสันติภาพนานาชาติเกี่ยวกับซีเรียที่จะจัดขึ้น ณ นครเจนีวาในเร็วๆนี้ สงครามกลางเมืองในซีเรีย ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคมปี๒๐๑๑มาจนถึงปัจจุบัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า๑แสนคนและอีกเกือบ๑.๘ล้านคนต้องย้ายหนีไปอยู่ต่างประเทศ ในขณะที่ความพยายามไกล่เกลี่ยปรองดองกำลังถูกชงักงัน การฉกฉวยคำกล่าวหาใช้อาวุธเคมีทำให้สถานการณ์ซีเรียสับสนวุ่นวายยิ่งขึ้นซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ทำลายความพยายามเพื่อสันติภาพ./.