(VOVworld) – จากผลการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปหรืออีพีอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ว่า ฝ่ายพันธมิตรพรรคอนุรักษ์นิยมและพันธมิตรพรรคสังคมและสังคมประชาธิปไตยยังคงครองเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาชุดใหม่แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือพรรคขวาจัดตามแนวโน้มชาตินิยมและต่อต้านการรวมยุโรปเป็นเอกภาพกลับได้คะแนนเสียงข้างมากด้วยซึ่งเป็นความท้าทายใหญ่ต่อบรรดาผู้นำสหภาพยุโรปหรืออียูเพราะว่า แนวโน้มนี้อาจขัดขวางกระบวนการฟื้นฟูและพัฒนาของอียู
|
อาคารรัฐสภายุโรป(Photo:New.go.vn ) |
ที่นั่งสส.๗๕๑ที่นั่งถูกแบ่งให้แก่ประเทศสมาชิกอียูโดยอาศัยจำนวนประชากรของแต่ละประเทศและมีที่นั่งอย่างน้อยที่สุดร้อยละ๒๐จากทั้งหมด๗๕๑ที่นั่งของอีพีในวาระนี้เป็นของพรรคฝ่ายต่างๆที่ไม่สนับสนุนอียู
ทัศนะหัวรุนแรง และต่อต้านอียูพัฒนา
แทบทุกประเทศที่เข้าร่วมรัฐสภายุโรปมีพรรคต่างๆที่มีทัศนะหัวรุนแรง ขวาจัด ชาตินิยมและต่อต้านการรวมยุโรปเป็นเอกภาพต่างพัฒนาอย่างรวดเร็ว
โดยที่ประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษ พรรคแนวร่วมแห่งชาติและพรรคเอกราชต่างสามารถเอาชนะพรรคใหญ่ๆซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในสองประเทศนี้ ส่วนประเทศเดนมาร์ก พรรคขวาจัดประชาชนเดนมาร์กและพรรคคัดค้านนโยบายอพยพเข้าเมืองก็ได้รับคะแนนนำในการเลือกตั้ง ส่วนที่ประเทศ ออสเตรีย โปแลนด์ ฮังการีและฟินแลนด์ พรรคขวาจัดและชาตินิยมต่างได้คะแนนเสียงข้างมาก ที่ประเทศเยอรมนี พรรคคัดค้านเงินยูโร่ได้เข้าร่วมอีพีนับตั้งแต่ได้รับชัยชนะในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งแรก สิ่งที่น่าสนใจคือ พรรคเหล่านี้ต่างมีแนวทางเดินทวนหลักการและวัตถุประสงค์ของอียูและมีนโยบายคัดค้านการรวมอียูเป็นเอกภาพและมีความระแวงสังสัยเกี่ยวกับอนาคตของอียู
ทำไมได้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งยุโรปจำนวนมากไม่มีความเชื่อมั่นในอนาคตของชายคายุโรปและการรวมยุโรปเป็นเอกภาพ ซึ่งนับเป็นคำถามที่ทำให้บรรดาผู้นำการเมืองยุโรปและประเทศสมาชิกต้องทบทวนแนวทางการพัฒนาในเวลาที่ผ่านมา
ผลที่ตามมาจากการไร้ความเชื่อมั่น
ในทางเป็นจริง อัตราผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ออกไปใช้สิทธ์เลือกตั้งครั้งนี้อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดคือเพียงร้อยละ๔๓จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดประมาณ๔๐๐ล้านคนจาก๒๘ประเทศสมาชิกอียูซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งครั้งก่อน แม้ว่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่ถูกจัดขึ้นทุกๆ๕ปีแต่ดูเหมือนว่า บรรดาผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่สนใจต่อการเลือกตัวแทนของประเทศตนเพื่อชิงที่นั่งในอีพี
ในกว่า๕ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจโลก ประชาชนยุโรปยังไม่เห็นสัญญาณที่ดีจากระบบการเมืองต่างๆในอียูและในรัฐบาลของตน ราคาสินค้านับวันยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ปัญหาการว่างงานและภาษีเพิ่มขึ้น ส่วนสวัสดิการสังคมกลับลดลงซึ่งก่อให้เกิดความสงสัยและเบื่อหน่ายต่อแผนปฏิรูปและแผนปฏิบัติการที่ขาดประสิทธิภาพของรัฐบาล ประชาชนไม่พอใจและโยนความผิดให้แก่ผู้นำอียูว่า เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดวิกฤต การที่พรรคขวาจัดได้คะแนนเสียงสนับสนุนข้างมากในการเลือกตั้งอีพีที่ผ่านมาถือเป็นคำตอบที่ชัดเจนซึ่งแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการรวมยุโรปเป็นเอกภาพของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งถูกสั่นคลอน
กำหนดแนวทางในอนาคต
จากสถานการณ์ที่เป็นจริงดังกล่าวทำให้บรรดาผู้นำอียูมีความวิตกกังวล นายมานูเอล วาลส์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสได้เปรียบเทียบว่า นี่เสมือนเป็นแผ่นดินไหวทางการเมืองในอียู ส่วนบรรดานักวิเคราะห์ทางการเมืองให้ข้อสังเกตุว่า ผลของการเลือกตั้งอีพีสะท้อนให้เห็นความไร้เสถียรภาพมีความรุนแรงมากกว่าวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองที่เคยทำลายเขตยูโรโซน หลังจากนั้น บรรดาผู้นำอียูได้จัดการประชุม ณ กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยมเพื่อหาทางรับมือกับแนวโน้มการแบ่งแยกยุโรปที่เริ่มมีบทบาทในอีพีและอียูกำลังเผชิญกับความท้าทายโดยต้องผลักดันการปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงใหม่ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสฟรังซัวส์ ออลลองค์ได้เสนอให้สร้างสรรค์อียูที่เรียบง่าย ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ส่วนนายกรัฐมนตรีอังกฤษเดวิด คาเมรอนได้เรียกร้องให้ผู้นำยุโรปต้องมีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งรูปแบบการดำเนินงานของอียูในปัจจุบัน ประธานคณะกรรมการยุโรปบาโรโซแถลงง่า ถึงเวลาแล้วที่ผู้นำการเมืองระดับชาติและในอียูต้องครุ่นคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับความรับผิดชอบของตน
อียูต้องมีการปฏิรูปอย่างเข้มแข็งและคล่องตัวยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ กิจกรรมขององค์การต่างๆเพื่อนำมาซึ่งประสิทธิภาพอย่างจริงจังและนำพลังที่เข้มแข็งและการเปลี่ยนแปลงที่ดีมาให้แก่ทวีปนี้
อย่างไรก็ดี การเข้าร่วมของบุคคลขวาจัดในอีพีจะทำให้การปฏิรูปดำเนินไปอย่างราบรื่นหรือไม่ และอียูจะสามารถสร้างความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ในองค์การต่างๆเช่นเดียวกับระหว่างผู้นำประเทศสมาชิกอียูหรือไม่ ดูเหมือนว่า จะมีคำตอบแล้วเพราะมีความเป็นไปได้ว่า ผู้ที่ยึคแนวทางคัดค้านการรวมยุโรปเป็นเอกภาพอาจจะแสดงท่าทีส่งผลกระทบต่อสนธิสัญญาเซงเกนว่าด้วยการเดินทางอย่างเสรี กิจกรรมด้านการเงินและธนาคารในอียูและทำให้ระเบียบการต่างๆในอียูพลิกกลับ เป็นอันว่า ภายหลัง๕ปีที่ต้องแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะ อียูกำลังย่างเข้าสู่ระยะลำบากใหม่บนเส้นทางสร้างความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์เพื่อไปสู่อนาคต./.