(VOVworld) – นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ท่าน มาร์ค รุทท์ กำลังอยู่ในระหว่างการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพเวียดนาม-เนเธอร์แลนด์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในโอกาสนี้ ทางผู้จัดทำรายการขอเสนอบทวิเคราะห์ที่พาดหัวว่า “ความสัมพันธ์เวียดนาม-เนเธอร์แลนด์จากการค้าสู่ความร่วมมือมิตรภาพ”
นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ มาร์ค รุทท์
|
เวียดนามและเนเธอร์แลนด์สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการมาได้ 41 ปี แต่ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างสองประเทศได้มีขึ้นเมื่อหลายปีก่อนหน้านั้นโดยเมื่อปี 1633 เรือลำแรกของบริษัทดงเอิ๊นเนเธอร์แลนด์ได้เดินทางเข้ามาเวียดนามเพื่อซื้อข้าว ผ้าแพรและเครื่องถ้วยชามเซรามิกซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้แก่ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างสองประเทศ จนถึงขณะนี้ ความสัมพันธ์เวียดนามและเนเธอร์แลดน์ได้ผ่านหลายระยะแห่งการพัฒนาและในหลายด้าน ควบคู่กันนั้น การเยือนระดับสูงเป็นประจำของเนเธอร์แลนด์และเวียดนามเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ดีงามระหว่างสองประเทศอย่างชัดเจนโดยเมื่อปี 2011 เจ้าชายและเจ้าหญิง แม็กซิมาแห่งเนเธอร์แลนด์ได้เสด็จเดินทางมาเยือนเวียดนามและนายกรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุงก็ได้เดินทางไปเยือนเนเธอร์แลนด์เช่นกัน ในโอกาสฉลองครบรอบ 40 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามกับเนเธอร์แลนด์ ได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ ณ เนเธอร์แลนด์และเวียดนามในตลอดปี 2013
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและหุ้นส่วนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ในความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ มูลค่าการค้าระหว่างเวียดนามกับเนเธอร์แลนด์ได้พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปีโดยเวียดนามได้เปรียบดุลการค้าเนเธอร์แลนด์อยู่เสมอ ปัจจุบัน เนเธอร์แลนด์เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่อันดับ 3 ของเวียดนามในยุโรปโดยเมื่อปี 2013 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนบรรลุ 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ จนถึงปี 2013 เนเธอร์แลนด์อยู่อันดับที่ 11 ในจำนวน 96 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนามโดยมี 192 โครงการ เงินทุน 6.29 พันล้านเหรียญสหรัฐ โครงการลงทุนสำคัญของเนเธอร์แลนด์ในเวียดนาม ประกอบกด้วย โรงไฟฟ้ามงเยือง มูลค่า 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐและโรงไฟฟ้าฟู๊หมีหมายเลข 3 มูลค่า 410 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามได้กลายเป็นหุ้นส่วนสำคัญของเนเธอร์แลนด์ ความคล้ายคลึงกันในหลายด้านได้ทำให้ทั้งสองประเทศกลายเป็นหุ้นส่วนและเพื่อนกันโดยก่อนอื่นคือ ทั้งสองประเทศต่างมีเขตที่ราบลุ่มที่กว้างใหญ่และต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเนื่องจากปัญหาน้ำทะเลหนุนและปริมาณฝนตกอยู่ในระดับสูง 2คือทั้งสองประเทศต่างมีชายฝั่งที่มีลักษณะทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาค ดังนั้นทั้งสองประเทศได้กลายเป็นหุ้นส่วนของกันในด้านการเดินเรือ การขนส่งและโลจิสติก เนเธอร์แลนด์และเวียดนามเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศซึ่งความร่วมมือนี้ถูกระบุในข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์หรือเอสพีเอระหว่างสองประเทศที่นายกรัฐมนนตรี เหงียนเติ๊นหยุงและอดีตนายกรัฐมนตรี ยัน ปีเตอร์ บัลเคนเอนเดอ ได้ลงนามเมื่อเดือนตุลาคมปี 2010 การประชุมของคณะกรรมการร่วมรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหานี้ได้รับการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อปฏิบัติแผนการเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง สร้างสรรค์ยุทธศาสตร์พัฒนาเพื่อให้เขตนี้กลายเป็นเขตเศรษฐกิจพัฒนาและปลอดภัยให้แก่ชนรุ่นหลัง ตัวอย่างอีกประการหนึ่งของความร่วมมือในด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศคือ ทางการรอตเตอร์ดัมและนครโฮจิมินห์ได้ร่วมมือในโครงการ “นครโฮจิมินห์มุ่งสู่ทะเล” และโครงการ “บริการน้ำและอากาศต่อการบริหารน้ำข้ามชายแดน”ขององค์การเนเธอร์แลนด์ 30 องค์กรกับหุ้นส่วนต่างๆของเวียดนามเกี่ยวกบัการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมให้แก่การบริหารจัดการน้ำก็ได้รับการปฏิบัติ
โรงไฟฟ้าฟู๊หมี-ผลของความร่วมมือระหว่างเวียดนาม
กับเนเธอร์แบนด์
|
ความร่วมมือด้านการศึกษาและสาธารณสุขเพื่อสวัสดิการสังคม
การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยก็มีบทบาทสำคัญในความร่วมมือทวิภาคีระหว่างเวียดนามกับเนเธอร์แลนด์โดยตั้งแต่กลางปี 1970 เนเธอร์แลนด์ได้ให้ทุนการศึกษาหลายทุนให้แก่เวียดนามผ่านโครงการทุนการศึกษาเนเธอร์แลนด์หรือเอ็นเอฟพี ผ่านข้อคิดริเริ่มเนเธอร์แลดน์เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยหรือ เอ็นไอซีเอชอี เงินทุนกว่า 10 ล้านยูโร่ได้รับการลงทุนเพื่อผลักดันการศึกษาระดับอุดมศึกษา โครงการนี้เน้นถึงด้านการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยของเวียดนามที่มีความต้องการมากมายเกี่ยวกับความรู้ด้านวิชาชีพของเนเธอร์แลนด์ เช่นการเกษตร การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการฝึกสอนอาชีพในระดับการศึกษาที่สูงกว่า เนเธอร์แลนด์คือหนึ่งในนักอุปถัมภ์ทวิภาคีที่เข้มแข็งที่สุดในการช่วยเหลือเวียดนามป้องกันวัณโรคและโรคเอ็ดส์ คณะกรรมการสาธารณสุขเนเธอร์แลนด์-เวียดนามหรือเอ็มซีเอ็นวีที่ปฏิบัติหน้าที่ในเวียดนามเป็นเวลากว่า 45 ปีถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านสาธารณสุขระหว่างสองประเทศ
เริ่มจากความสัมพันธ์ด้านการค้าในประวัติศาสตร์ จนถึงขณะนี้ ความสัมพันธ์เวียดนาม-เนเธอร์แลนด์ได้ผ่านหลายระยะด้วยผลสำเร็จที่ดีงาม การเยือนเวียดนามของนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ท่าน มาร์ครุทท์ถือเป็นนิมิตหมายและเปิดระยะใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพระหว่างเวียดนามกับเนเธอร์แลนด์./.