(Photo: Vietnamplus)

การเยือนเวียดนามของนายกรัฐมนตรี ดมีตรี เมดเวเดฟ มีขึ้นหลังการเยือนรัสเซียเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาของเลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ เหงียนฟู้จ่อง ในฐานะเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ซึ่งการเยือนจะสร้างพลังขับเคลื่อน ผลักดันการปฏิบัติข้อตกลงที่ได้บรรลุระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ

ความสัมพันธ์เวียดนาม-รัสเซียบรรลุผลงานที่ยิ่งใหญ่ในทุกด้าน

ความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างเวียดนามกับรัสเซียได้ผ่านความท้าทายที่ผันผวนต่างๆและกำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็งและกว้างลึกด้วยผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในทุกด้าน เช่นการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง กลาโหม วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การศึกษา สาธารณสุขและมนุษยธรรม ความสัมพันธ์ด้านการเมืองที่มีความไว้วางใจในระดับสูงได้รับการผลักดันผ่านกลไกการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนและการพบปะทวิภาคีเป็นประจำในทุกระดับ โดยเฉพาะระดับสูงและกลไกทาบทามความคิดเห็นและการสนทนาเชิงยุทธศาสตร์

การเยือนรัสเซียของเลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ เหงียนฟู้จ่อง ในฐานะเลขาธิการใหญ่พรรคเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ ที่ทำให้ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านระหว่างสองประเทศมีความลึกซึ้งมากขึ้น  ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงทุกปัญหาในความสัมพันธ์ทวิภาคี แลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่คล้ายคลึงกันในด้านการเมือง ให้การสนับสนุนกันในการแก้ไขปัญหาทั้งในเวียดนาม รัสเซียและระดับโลก

ในการเยือนนี้ ได้มีการลงนามเอกสารร่วมมือ 15 ฉบับในด้านอุตสาหกรรม ธนาคารและความมั่นคงด้านการสื่อสาร ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพเศรษฐกิจเอเชีย-ยุโรปและเวียดนามให้เกิดประสิทธิผล ภายหลัง 2 ปีของการบังคับใช้ข้อตกลงเมื่อปี 2017 มูลค่าการค้าเวียดนาม-รัสเซียได้บรรลุ 3.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 เมื่อเทียบกับปี 2016 ส่วนใน 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2018 ได้บรรลุ 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017 เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำรัสเซีย โงดึ๊กแหม่ง แสดงความเห็นว่า “รัสเซียคือตลาดใหญ่ โดยมีประชากร 140 ล้านคนและมีชาวเวียดนามอาศัยเป็นจำนวนมาก เวียดนามยังเป็นประเทศแรกที่ลงนามข้อตกลงเอฟทีเอกับสหภาพเศรษฐกิจเอเชีย-ยุโรป ดังนั้นนี่คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้แก่สถานประกอบการของเวียดนาม โดยก่อนอื่น พวกเราสามารถจัดสรรสินค้าที่สามารถสนับสนุนให้แก่รัสเซีย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ของเขตโซนร้อน เช่นผลไม้ สิ่งที่น่ายินดีคือสินค้าของเวียดนามนับวันมีคุณภาพและตอบสนองความต้องการที่นับวันสูงขึ้นของชาวรัสเซีย นอกจากนั้น พวกเรามีชาวเวียดนามที่อาศัยในรัสเซียเป็นจำนวนมากซึ่งเข้าใจประเทศ และวัฒนธรรมรัสเซีย ซึ่งพวกเขาคือสะพานเชื่อมให้แก่สินค้าเวียดนามและรัสเซีย”

ที่น่าสนใจคือ เมื่อเร็วๆนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างท้องถิ่นต่างๆของทั้งสองประเทศได้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง และนับวันมีความจริงจังมากขึ้น เน้นถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน วัฒนธรรมและการศึกษามากขึ้น สำหรับการศึกษา ในหลายปีมานี้ รัฐบาลรัสเซียได้มอบทุนการศึกษาเกือบ 1 พันทุนให้นักศึกษาเวียดนามไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยของรัสเซีย ซึ่งสูงกว่าเมื่อสมัยที่ยังเป็นสหภาพโซเวียด ส่วนการท่องเที่ยว วัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนก็ได้รับการผลักดัน ทั้งสองฝ่ายยังจัดวันงานวัฒนธรรม สัปดาห์วัฒนธรรม งานนิทรรศการและการสัมมนาที่แนะนำเกี่ยวกับประเทศและคนของแต่ละประเทศ

ถึงแม้มีความสะดวกหลายข้อ แต่ทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพมากมายที่ยังไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสัตว์น้ำ นี่คือความเห็นของนาย เจืองดิ่งแหว่ เลขาธิการสมาพันธ์แปรรูปและส่งออกสัตว์น้ำเวียดนาม “เศรษฐกิจของรัสเซียกำลังอยู่ในกระบวนการฟื้นฟู ดังนั้นความต้องการจึงยังไม่สูง โดยเฉพาะรัสเซียคือประเทศที่มีแหล่งสัตว์น้ำมากมาย ดังนั้นจึงมีหลายทางเลือก ปัญหาอีกประเด็นที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้คือการเพิ่มรายชื่อสถานประกอบการที่มีเงื่อนไขเพียงพอเพื่อส่งออกไปยังตลาดรัสเซีย”

การเยือนสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์เวียดนาม-รัสเซีย

เวียดนามถือรัสเซียคือหุ้นส่วนสำคัญอันดับต้นๆในนโยบายการต่างประเทศ ส่วนรัสเซียถือเวียดนามเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นความต้องการขยายและผลักดันความร่วมมือจึงมาจากทั้งสองฝ่าย ปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเคร่งครัดคือการปฏิบัติคำมั่นและข้อตกลงที่ได้ลงนามเพื่อนำผลสำเร็จใหม่มาสู่ความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศ การเยือนของนายกรัฐมนตรี เมดเวเดฟ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้นำทั้งสองประเทศที่ต้องการทำให้ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านระหว่างรัสเซีย-เวียดนามมีความลึกซึ้งมากขึ้นเพื่อประสิทธิภาพในด้านเศรษฐกิจและการเมือง.