(VOVworld) –  ภายในเวลาอันสั้น กลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสซึ่งเป็นองค์กรหัวรุนแรงได้สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในพื้นที่หลายแห่งของอิรักและมีทีท่าว่า จะขยายการเคลื่อนไหวในประเทศซีเรีย ในรายงานล่าสุดที่ประกาศเมื่อวันที่๒๗สิงหาคม สหประชาชาติได้ยืนยันว่า สมาชิกของกลุ่มไอเอสเป็นอาชญากรสงครามและต่อต้านมวลมนุษย์ ถึงแม้ ประชาคมระหว่างประเทศเริ่มมีปฏิบัติการและปฏิกิริยาต่อปฏิบัติการที่อันตรายของกลุ่มไอเอสแต่การยับยั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่ง่าย

บรรดาสมาชิกไอเอส(Photo:AP)

ประชาคมระหว่างประเทศนับวันยิ่งมีความกังวลต่อภัยคุกคามจากกลุ่มไอเอสภายหลังการโจมตีครั้งต่างๆของกลุ่มนี้ในทั่วประเทศอิรัก โดยเฉพาะ การสังหารนักข่าวอเมริกัน เมส์ โฟเลย์ ที่ประเทศซีเรีย สิ่งที่น่าสนใจคือ กลุ่มไอเอสในซีเรียสามารถเข้าควบคุมจังหวัดรักกาทางภาคเหนืออิรักหลังจากที่ประสบความสำเร็จในการบุกยึดฐานทัพอากาศอัล ตาบากา ในหลายวันที่ผ่านมา กลุ่มไอเอสได้มุ่งเป้าไปยังจังหวัดอาแลปโปและควบคุมจังหวัดเดีย แอซโซร์ที่มีบ่อน้ำมันจำนวนมาก กลุ่มไอเอสยังทำการสังหาร ลักพาตัว  ทำร้ายและทำการค้ามนุษย์ต่อคนที่ไม่ใช่เชื้อสายอาหรับและชาวสุหนี่ รวมทั้งทำลายศูนย์วัฒนธรรมและศาสนาสถาน นับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม กลุ่มนี้ได้สังหารชาวอิรักนับร้อยคน ลักพาตัวอีกกว่า๒พัน๕ร้อยคนและบังคับให้เด็กอายุ๑๕ปีต้องเข้าเป็นทหารและใช้ทหารคนใหม่เป็นโล่มนุษย์

จำเป็นที่จะต้องจัดตั้งพันธมิตรนานาชาติเพื่อต่อต้านกลุ่มไอเอส

นายมาร์ติน เดมป์ซีย์ประธานสภาเสนาธิการใหญ่กองทัพสหรัฐเห็นว่า สมาชิกของกลุ่มไอเอสเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงในตะวันออกกลางและจะกลายเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อสหรัฐและยุโรปในที่สุด ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องจัดตั้งพันธมิตรนานาชาติเพื่อต่อต้านกลุ่มนี้ ต่อสถานการณ์ดังกล่าว อังกฤษ แคนาดา เอลเบเนีย โครเอเชีย เดนมาร์ก อิตาลีและฝรั่งเศสได้ร่วมกับสหรัฐจัดสรรอาวุธให้แก่กองกำลังของชาวเคิร์ดในภาคเหนืออิรักเพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มไอเอส ในขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีเผยว่า กำลังหารือกับสหรัฐและหุ้นส่วนอื่นๆเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อกลุ่มไอเอสในซีเรียแต่จะไม่เข้าร่วมการแทรกแซงทางทหารในซีเรีย ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสโลร็องต์ ฟาบิอูสได้เร่งรัดทุกประเทศในภูมิภาคและอิหร่านเคียงบ่าเคียงไหล่กับประเทศตะวันตกเพื่อต่อต้านกลุ่มไอเอสที่กำลังสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในอิรักและซีเรีย คณะกรรมการต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติของสหประชาชาติก็เสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติส่งกำลังรักษาสันติภาพไปยังอิรัก คาดว่า สภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติจะจัดการประชุมด่วน ที่นครเจนีวา ในวันที่๑กันยายนเพื่อหารือถึงปฏิบัติการที่เหี้ยมโหดป่าเถื่อนของกลุ่มไอเอสและกลุ่มกบฏอื่นๆในอิรัก

ปฏิบัติการของกลุ่มไอเอสทำให้สหรัฐต้องเปิดการโจมตีทางอากาศใส่ภาคเหนืออิรัก เมื่อต้นเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนที่ประเทศซีเรีย เครื่องบินสหรัฐได้เริ่มสอดแนมในน่านฟ้าซีเรียในขณะที่กลุ่มไอเอสกำลังถูกกองทัพรัฐบาลโจมตีทางอากาศหลายครั้ง ตามประกาศของสหรัฐ นับตั้งแต่วันที่๘เดือนนี้ เครื่องบินรบและเครื่องบินไร้คนขับของสหรัฐได้โจมตีกลุ่มไอเอสนับสิบครั้ง

ความยากลำบากไม่น้อย

เจ้าหน้าที่บริหารและผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงจำนวนมากเห็นว่า สหรัฐและประเทศตะวันตกจะทำการโจมตีใส่กลุ่มไอเอส นายไมเกิล ไฮเดน อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐอเมริกาหรือซีไอเอเห็นว่า การโจมตีของประเทศตะวันตกเป็นวิธีการเพื่อให้กลุ่มไอเอสแสดงออกถึงความทะเยอทะยานเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ต้องมีความเป็นเอกภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆในการต่อต้านกลุ่มไอเอส แต่ในทางเป็นจริง สิ่งนี้ก็ยากลำบากมากโดยเมื่อวันที่๒๖ที่ผ่านมา วงการเจ้าหน้าที่สหรัฐได้ปฏิเสธความร่วมมือกับดามัสกัสเพื่อต่อต้านกลุ่มไอเอสในซีเรียโดยนายจอช  อีอาเนส โฆษกทำเนียบขาวได้ให้เหตุผลว่า สหรัฐถือระบอบของประธานาธิบดีบาซาร์ อัน อาซซาดเป็นภัยคุกคามก่อการร้าย ในขณะเดียวกัน บรรดาผู้บัญชาการทหารของสหรัฐกำลังวางแผนต่อต้านกลุ่มไอเอสทั้งในอิรักและซีเรีย รวมทั้งการโจมตีทางอากาศ ซึ่งเหมือนการสาดน้ำเย็นต่อทางการซีเรียหลังจากที่ซีเรียแสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกเพื่อต่อต้านกลุ่มไอเอส นายวาลิด มูอันเลมรัฐมนตรีต่างประเทศซีเรียเตือนว่า ซีเรียไม่ยอมรับการโจมตีของสหรัฐหรือประเทศอื่นเพียงลำพังฝ่ายเดียว การรุกล้ำอธิปไตยของซีเรียจะถูกถือเป็นการรุกราน ส่วนประเทศสหรัฐ สส.อเมริกันจำนวนมากก็ได้เรียกร้องให้นายบารักโอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐต้องขออนุมัติจากรัฐสภาก่อนที่จะเปิดการโจมตีเป้าหมายต่างๆของกลุ่มไอเอสในดินแดนของซีเรีย

สิ่งที่น่าวิตกกังวลอีกก็คือ ในประกาศล่าสุดเมื่อวันที่๒๘เดือนนี้ รัฐบาลสหรัฐและออสเตรเลียต่างออกมาเตือนเกี่ยวกับการที่พลเมืองของประเทศตนเดินทางไปยังซีเรียเพื่อเข้าร่วมกลุ่มไอเอส เจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งกล่าวว่า ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อสหรัฐปัจุบันคือ สมาชิกของกลุ่มไอเอสจะเดินทางกลับประเทศและทำการก่อการร้าย  ส่วนนายดาวิด ไอร์วิน ผู้อำนวยการหน่วยงานข่าวกรองของออสเตรเลียกล่าวว่า มีชาวออสเตรเลีย๖๐คนจะเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มไอเอสและกลุ่มอัลนูสราที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มอัลกออีดะ นอกจากนี้ ยังมีชาวออสเตรเลีย๑๐๐คนที่กำลังช่วยเหลือการัดหากำลังคนให้แก่องค์กรหัวรุนแรงต่างๆในซีเรียและอิรัก

ในขณะที่กลุ่มไอเอสกำลังขยายอิทธิพล การที่นานาชาติร่วมมือกันเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ถือว่า มีความจำเป็นแต่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพกลับเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก./.