ก้าวเดินใหม่ในความสัมพันธ์อียู-คิวบา

Hong Van/VOV5
Chia sẻ
(VOVWorld)-หลังจากที่สหภาพยุโรปหรืออียูเริ่มแสดงความประสงค์ที่จะผลักดันความร่วมมือกับคิวบาได้เกือบ1เดือน เมื่อวันที่6มีนาคม รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศคิวบา บรูโน โรดีเกซ ได้ประกาศตกลงรื้อฟื้นกระบวนการเจรจาเพื่อปรับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เป็นปกติภายหลังถูกระงับเป็นเวลา10ปี ซึ่งก็หมายความว่าอุปสรรคขั้นสุดท้ายในการปรับความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายได้ถูกยกเลิกเพื่อสร้างพื้นฐานใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างอียูและคิวบาในอนาคต

(VOVWorld)-หลังจากที่สหภาพยุโรปหรืออียูเริ่มแสดงความประสงค์ที่จะผลักดันความร่วมมือกับคิวบาได้เกือบ1เดือน เมื่อวันที่6มีนาคม รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศคิวบา บรูโน โรดีเกซ ได้ประกาศตกลงรื้อฟื้นกระบวนการเจรจาเพื่อปรับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เป็นปกติภายหลังถูกระงับเป็นเวลา10ปี ซึ่งก็หมายความว่าอุปสรรคขั้นสุดท้ายในการปรับความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายได้ถูกยกเลิกเพื่อสร้างพื้นฐานใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างอียูและคิวบาในอนาคต

ก้าวเดินใหม่ในความสัมพันธ์อียู-คิวบา - ảnh 1
นาย เฮอร์มาน โปร์โตคาโร เอกอัครราชทูตอียูประจำคิวบา(AP)

รัฐบาลคิวบาได้ยอมรับข้อเสนอในการรื้อฟื้นการเจรจาของนางแคทเธอรีน แอซตัน ตัวแทนระดับสูงด้านนโยบายความมั่นคงและต่างประเทศของอียูที่ประกาศเมื่อวันที่10กุมภาพันธ์โดยตามนั้นทั้งสองฝ่ายจะผลักดันการสนทนาเพื่อลงนามข้อตกลงว่าด้วยการปรับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เป็นปกติที่เรียกว่า “ข้อตกลงร่วมมือและสนทนาการเมือง” เพื่อเปิดโอกาสให้แก่ความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวกว้างลึกยิ่งขึ้น  ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวนับเป็นความเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายทางการทูตนับตั้งแต่ปี2008เมื่ออียูยุติการคว่ำบาตรคิวบา

การเปิดทางให้แก่การปรับความสัมพันธ์ทวิภาคี

นาย เฮอร์มาน โปร์โตคาโร เอกอัครราชทูตอียูประจำคิวบาได้กล่าวว่า การที่อียูเสนอเริ่มกระบวนการเจรจากับคิวบาเป็นก้าวเดินที่มีความหมายชี้ขาดและเป็นการบ่งบอกว่าความเข้าใจซึ่งกันและกันในระดับสูงกว่าจะเอื้อประโยชน์ให้แก่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งอียูให้ความสนใจต่อการมีส่วนร่วมในกระบวนการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของคิวบาและการมุ่งสู่การลงนาม “ข้อตกลงร่วมมือและสนทนาการเมือง”จะเอื้อให้อียูแสวงหาความสัมพันธ์ที่คล่องตัวยิ่งขึ้นกับคิวบา

อันที่จริงมิใช่จนถึงขณะนี้อียูถึงจะมีความประสงค์ปรับความสัมพันธ์กับคิวบา หากกระบวนการนี้ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี2008แล้วหลังจากที่คิวบาปล่อยตัวผู้ที่ต่อต้านรัฐบาล โดยนับตั้งแต่ตอนนั้นอียูได้เริ่มให้การอุปถัมภ์เพื่อการพัฒนาต่อคิวบามูลค่า80ล้านยูโรและถึงเดือนพฤศจิกายนปี2012 อียูตกลงรื้อฟื้นการเจรจาข้อตกลงทวิภาคีกับคิวบา และล่าสุดนี้คือต้นเดือนกุมภาพันธ์ปี2014 เจ้าหน้าที่อียูได้ประกาศพร้อมเต็มที่กับการปรับความสัมพันธ์กับคิวบาเพื่อขยายกรอบความร่วมมือในด้านต่างๆ

ศ.โจกวินรอย ผู้อำนวยการศูนย์อียูในสหรัฐกล่าวว่า ถึงแม้ยังคงมีระเบียบการ “จุดยืนรวมกัน” เกี่ยวกับการตั้งระเบียบการจำกัดความสัมพันธ์กับคิวบาตั้งแต่ปี1996 แต่ในภาคปฏิบัติหลายประเทศอียูยังคงดำเนินนโยบายร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ทั้งด้านการค้า การลงทุนและการสนับสนุนเพื่อการพัฒนากับคิวบาและสามารถเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี2008 มีสมาชิกอียู15ประเทศได้ลงนามข้อตกลงทวิภาคีกับคิวบา

ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจคือแรงกระตุ้นความร่วมมือ

ตามความเห็นของผู้สังเกตุการณ์ การคำนึงถึงผลประโยชน์ได้ทำให้อียูปรับปรุงนโยบายต่อคิวบาในสภาวการณ์ที่ประเทศนี้นับวันยิ่งเปิดตัวและประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่งในกระบวนการปฏิรูปเศรษฐกิจสังคม ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อไม่นานนี้คิวบาได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าท่องเที่ยวนานาชาติ BIT2014 ณ ประเทศอิตาลี เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในตลาดอียูท่ามกลางกระแสนักท่องเที่ยวอียูที่เดินทางมาท่องเที่ยวคิวบานับวันเพิ่มมากขึ้น  นอกจากนี้อีกแนวทางใหม่ที่รัฐบาลคิวบากำลังปฏิบัติคือเตรียมเปิดเขตพัฒนาพิเศษท่าเรือมาเรลเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจเห็นว่า ท่าเรือแห่งนี้จะกลายเป็นชุมทางการค้าของทั้งเขตลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ควบคู่กันนั้น คิวบาก็กำลังเตรียมประกาศใช้กฎหมายการลงทุนต่างประเทศฉบับใหม่ที่เปิดกว้างมากขึ้นในปลายไตรมาสแรกของปีนี้  คาดว่ามาตรการใหม่ดังกล่าวจะนำมาซึ่งโอกาสการประกอบธุรกิจและผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจคิวบา ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศเนเธอแลนด์แฟรงส์ ทิมเมอร์มาน ก็เคยยอมรับว่า คิวบาได้มีความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและนี่คือโอกาสให้อียูปรับความสัมพันธ์กับคิวบา  ส่วนเอกอัครราชทูตอียูประจำคิวบาได้ให้ความสำคัญต่อบทบาทของคิวบาในกระบวนการผสมผสานของลาตินอเมริกาที่ดำเนินการผ่านประชาคมประเทศแคริบเบียนและลาตินอเมริกาหรือCELAC

ในขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาถึงการแลกเปลี่ยนทางการค้า อียูเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่อันดับ2ของคิวบารองจากเวเนซูเอลา โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าจากอียูไปยังคิวบาอยู่ที่2พันล้านยูโรและสินค้ามีส่วนแบ่งถึงร้อยละ20 ซึ่งท่ามกลางวิกฤตหนี้สาธารณะและการว่างงานที่กำลังบานปลายในอียูการที่จะแสวงตลาดรองรับสินค้าก็ยิ่งมีความจำเป็นมากขึ้น

ทั้งนี้การที่คิวบาตกลงรื้อฟื้นการเจรจาเพื่อปรับความสัมพันธ์เป็นปกติกับอียูจะช่วยให้กลุ่มนี้ไม่ตามหลังประเทศมหาอำนาจอื่นๆในการใช้โอกาสร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจการค้ากับประเทศที่เต็มไปด้วยศักยภาพดั่งคิวบาและในทางกลับกันคิวบาก็จะได้รับประโยชน์มากมายจากการปรับความสัมพันธ์กับอียูเพื่อยกระดับสถานะของตนบนเวทีโลก./.

Komentar