(VOVworld) –  วันที่๓กรกฎาคม ประธานประเทศจีนสีจิ้นผิงได้เริ่มการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีอย่างเป็นทางการเป็นเวลา๒วันซึ่งการเยือนนี้ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้แก่ประชามติในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ในภูมิภาคกำลังดำเนินไปอย่างซับซ้อน

ประธานประเทศจีนสีจิ้นผิงและประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีปาร์กกึนเฮ(Photo:AP)

นี่เป็นครั้งที่๓ที่นายสีจิ้นผิงเดินทางไปเยือนกรุงโซลแต่เป็นการเยือนครั้งแรกในฐานะผู้นำประเทศ ตามการแถลงข่าวก่อนการเยือน นี่เป็นการตอบแทนประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีปาร์กกึนเฮที่ได้เดินทางมาเยือนจีนเมื่อเดือนมิถุนายนปี๒๐๑๓ แต่นับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำสูงสุดของจีนเดินทางไปเยือนกรุงโซลก่อนกรุงเปียงยางได้แสดงให้เห็นว่า ปักกิ่งกำลังมีการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ทางการทูต

ดูเบากรุงเปียงยาง ให้ความสำคัญต่อกรุงโซล

การตัดสินใจเลือกเยือนสาธารณรัฐเกาหลีแทนเปียงยางแสดงให้เห็นถึงความแตกร้าวระหว่างจีนกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีในเวลาที่ผ่านมาซึ่งในหลายปีที่ผ่านมา แม้ทั้งสองประเทศจะเป็นพันธมิตรกันและเปียงยางต้องพึ่งพาการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนแต่ภายใต้การนำของนายคิมจองอุน เปียงยางนับวันยิ่งแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ  สร้างความเดือดร้อนให้แก่จีน จีนยังถูกนานาชาติถือว่าเป็นศัตรูเมื่อสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลียิงจรวดและทดลองนิวเคลียร์

แต่สิ่งที่น่ากล่าวคือ ในขณะที่มีความเย็นชากับพันธมิตร เปียงยางกลับมีปฏิบัติการกระเถิบเข้าใกล้กรุงโตเกียวซึ่งถือเป็นคู่แข่งที่จะเข้ามาถ่วงดุลอำนาจกับจีนในภูมิภาค ภายหลังการเจรจาเกี่ยวกับปัญหาพลเมืองญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัวช่วงปี๑๙๗๐ถึงปี๑๙๘๐หลายครั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีและแผนการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นชินโซ อาเบะในปีนี้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงการปรับปรุงนี้ เปียงยางกำลังพยายามหันไปแสวงหาการลงทุนและความช่วยเหลือจากกรุงโตเกียวซึ่งทำให้บรรดาผู้นำจีนไม่พอใจ ดังนั้น การเยือนกรุงโซลของนายสีจิ้นผิงก็แสดงให้เห็นถึงความผิดหวังของปักกิ่งต่อเปียงยาง

สร้างสรรค์พันธมิตรเพื่อต่อต้านญี่ปุ่น

นอกจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีแล้ว จีนยังมุ่งเป้าไปยังญี่ปุ่นในการเยือนต่างประเทศครั้งนี้ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับสาธารณรัฐเกาหลีกำลังอยู่ในระดับต่ำสุดเนื่องจากความขัดแย้งในอดีต โดยเฉพาะ การพิพาทเกี่ยวกับอธิปไตยเหนือน่านน้ำและเกาะแก่งเมื่อเร็วๆนี้ซึ่งทำให้บัดนี้โอกาสทองได้มาถึงปักกิ่งเพื่อชักชวนให้กรุงโซลร่วมกันเป็นพันธมิตรเพื่อต่อต้านญี่ปุ่น การที่ทางการของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะกำลังพยายามปฏิบัติก้าวเดินต่างๆเพื่อตีความรัฐธรรมนูญสันติภาพเพื่ออนุญาตให้กองทัพประเทศนี้สามารถขยายขอบเขตการปฏิบัติสิทธิในการป้องกันตนเองร่วมกันทำให้ทั้งปักกิ่งและกรุงโซลต่างประท้วงอย่างรุนแรงและก็เป็นเหตุผลเพื่อให้จีนและสาธารณรัฐเกาหลีกระเถิบเข้าใกล้กัน

แผนกุศโลบายชักจูงสาธารณรัฐเกาหลีของจีนยังแสดงให้เห็นจากการเยือนกรุงโซลของนายหวางอี้รัฐมนตรีต่างประเทศจีนเมื่อปลายเดือนก่อน ในการเยือนนี้ นายหวางอี้ได้แถลงว่า จีนและสาธารณรัฐเกาหลีควรจับมือกัน พัฒนาความสัมพันธ์ให้สูงกว่ากรอบทวิภาคีเพื่อมุ่งสู่เอเชียและโลกและสร้างบรรยากาศพัฒนาร่วมกันที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น

ทำลายความโดดเดี่ยว

ไม่เพียงแต่สร้างสรรค์พันธมิตรเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นเท่านั้นหากการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีของประธานประเทศจีนสีจิ้นผิงยังเพื่อแสวงหาการสนับสนุนจากสาธารณรัฐเกาหลีในสภาวการณ์ที่โครงสร้างยุทธศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือกำลังมีความผันผวนอย่างซับซ้อนซึ่งส่งผลเสียต่อจีน โดยเฉพาะ ปฏิบัติการทวีความตึงเครียดของจีนเมื่อเร็วๆนี้ที่เกี่ยวข้องถึงการพิพาทอธิปไตยเหนือน่านน้ำและเกาะแก่งกับญี่ปุ่นในทะเลหัวตุ้งและกับประเทศอาเซียนต่างๆในทะเลตะวันออกได้ทำให้สหรัฐเข้ามาแทรกแซงภูมิภาคนี้มากขึ้น เมื่อปลายเดือนเมษายนปี๒๐๑๔ นับเป็นครั้งแรกที่สหรัฐได้แถลงว่า การพิทักษ์รักษาหมู่เกาะเซ็งกะกุของญี่ปุ่นเป็นหน้าที่ของสหรัฐและแถลงให้การสนับสนุนประเทศอาเซียนในปัญหาการพิพาทน่านน้ำทะเลและเกาะแก่งกับจีนซึ่งทำให้จีนถูกโดดเดี่ยวดังนั้นจีนจึงต้องแสวงหาการสนับสนุนจากสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อลดแรงกดดันจากประชามติโลกต่อจีน

อย่างไรก็ดี เพื่อจะได้รับการสนับสนุนจากกรุงโซลอย่างจริงจัง ประชามติเห็นว่า ปักกิ่งจะต้องใช้เวลาอีกมากและจะไม่รู้ว่า จะสำเร็จเมื่อไหร่ เพราะจากความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นของพันธมิตรสหรัฐ–สาธารณรัฐเกาหลีในปัจจุบัน โดยเฉพาะ การที่ทหารสหรัฐยังคงประจำการในสาธารณรัฐเกาหลีในปัจจุบันทำให้เรื่องที่สาธารณรัฐเกาหลีจะปฏิบัติตามเจตนาของจีนเพื่อแลกกับการสนับสนุนในระยะสั้นจากจีนนั้นเป็นไปได้ยาก

แต่มีสิ่งที่ชัดเจนคือความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในภูมิภาคจะมีปรากฏการณ์ใหม่ๆหลังการเยือนนี้ ปักกิ่งกำลังมีก้าวเดินใหม่เพื่อเสริมสร้างพลังที่เข้มแข็งเพื่อปฏิบัติความทะเยอทะยานแผ่นขยายอำนาจของตนในภูมิภาค ./.