การเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับประเทศตะวันตกมีความร้อนแรงมากขึ้น

Anh Huyen/VOV5
Chia sẻ
(VOVworld) –   วันที่๒๙เดือนนี้ รัฐมนตรีประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียูได้จัดการประชุมวิสามัญ ณ กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยมเพื่อพิจารณาอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซียเนื่องจากความตึงเครียดในประเทศยูเครนที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับประเทศตะวันตกและวิกฤตในยูเครนยิ่งถลำลึก

(VOVworld) –   วันที่๒๙เดือนนี้ รัฐมนตรีประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียูได้จัดการประชุมวิสามัญ ณ กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยมเพื่อพิจารณาอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซียเนื่องจากความตึงเครียดในประเทศยูเครนที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับประเทศตะวันตกและวิกฤตในยูเครนยิ่งถลำลึก

การเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับประเทศตะวันตกมีความร้อนแรงมากขึ้น - ảnh 1
กองทัพยูเครนในภาคตะวันออก(AFP )

แผนการขยายมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียออกไปอีก๙เดือนคือจนถึงเดือนธันวาคมปี๒๐๑๕ได้รับการร่างขึ้นเพื่อนำมาหารือในการประชุมวิสามัญของรัฐมนตรีต่างประเทศประเทศสมาชิกอียูโดยบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศประเทศอียูได้เรียกร้องให้คณะกรรมการยุโรปหรืออีซี และสำนักงานต่างประเทศยุโรปเพิ่มเติมรายชื่อผู้ที่จะถูกคว่ำบาตรภายใน๑สัปดาห์

คำสั่งคว่ำบาตรรัสเซียของอียูเริ่มขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมปี๒๐๑๔หลังจากที่รัสเซียผนวกรวมไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของตนโดยคำสั่งคว่ำบาตรจะหมดอายุในเดือนมีนาคมนี้ซึ่งประกอบการด้วยการอายัดทรัพย์สินและห้ามชาวรัสเซียและยูเครนเดินทางมาท่องเที่ยวในอียู ทางเว็บไซท์อียูโอบเซอเวอร์ได้เสนอข่าวว่า  อียูได้เห็นพ้องให้ขยายมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียซึ่งอาจได้รับการอนุมัติในเร็วๆนี้

ความขัดแย้งที่นับวันถลำลึกยิ่งขึ้น

ในทางเป็นจริงก็สามารถเห็นถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิตต่อรัสเซียกำลังเพิ่มขึ้นเพราะสหรัฐและประเทศตะวันตกได้อนุมัติมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวด ก่อนหน้านั้น สหรัฐได้ประกาศว่า บล๊อคธนาคารรัสเซียจากระบบการชำระระหว่างประเทศหรือSWIFT

บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่า  ถ้าหากสหรัฐและประเทศตะวันตกขยายการคว่ำบาตร  เศรษฐกิจที่กำลังซบเซาของรัสเซียจะได้รับความเสียหายอย่างหนักโดยรัสเซียจะประสบอุปสรรคในด้านการค้าระหว่างประเทศ การปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายสินค้าและ การบริการกับบรรดาหุ้นส่วนต่างประเทศและระบบธนาคารของรัสเซียอาจจะล้มละลาย ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่๒๗เดือนนี้  บริษัทStandard and Poor's ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัสเซียลงจาก BBB- สู่ BB+เป็นครั้งแรกในรอบ๑๐ปีซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นรัสเซียถูกผลกระทบอย่างรุนแรงและเงินรูเบิลก็อ่อนค่าลงอย่างหนัก

ส่วนฝ่ายรัสเซียได้ออกมาแสดงท่าทีต่อการที่สหรัฐและอียูขยายมาตรการคว่ำบาตรว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรงและจะปิดโอกาสการสนทนาซึ่งนี่เป็นคำประกาศที่แข็งกร้าวที่สุดของมอสโคว์ที่มีต่อทางการวอชิงตัน

เอาน้ำมันมาราดกองไฟ

ความแตกร้าวด้านความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐและประเทศตะวันตกได้เพิ่มขึ้นหลังจากที่การปะทะในภาคตะวันออกยูเครนขยายกว้างออกไป นับตั้งแต่คำสั่งหยุดยิงที่ได้รับการลงนามเมื่อ๕เดือนก่อน กลุ่มต่อต้านที่นิยมรัสเซียได้ปฏิบัติยุทธนาการขยายดินแดนและทำสงครามในภาคตะวันออกยูเครนโดยได้เปิดการโจมตีขนาดใหญ่ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์นับร้อยคนเสียชีวิต ประเทศตะวันตกได้กล่าวหารัสเซียว่า หนุนหลังกลุ่มเรียกร้องแยกตัวเป็นอิสรในภาคตะวันออกยูเครน ส่วนรัฐสภายูเครนได้อนุมัติแถลงการณ์ประนามรัสเซียและเรียกร้องให้นานาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงมากขึ้นต่อรัสเซีย เพิ่มความช่วยเหลือให้แก่กรุงเคียฟ และเสนอให้ประชาคมระหว่างประเทศระบุสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์และสาธารณรัฐประชาชนโดเนสต์ที่แต่งตั้งเองเข้าบัญชีรายชื่อองค์การก่อการร้าย ต่อความตึงเครียดครั้งใหม่ในภาคตะวันออกยูเครน ประเทศตะวันตกได้มีกิจกรรมที่เหมือนเป็นการเอาน้ำมันไปราดใส่กองไฟโดยได้จัดสรรอาวุธและงบประมาณให้แก่ทางการคียฟ เช่น ทางการโปแลนด์แถลงว่า พร้อมที่จะขายอาวุธให้แก่ทางการเคียฟ ส่วนอียูจะให้ทางการยูเครนกู้เงิน๑.๘พันล้านยูโรหรือประมาณ๒พันล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่มความช่วยเหลือในเวลาข้างหน้า รัฐบาลประเทศต่างๆในยุโรป ซึ่งนำโดยอังกฤษจะจัดสรรสินเชื่อมูลค่า๒.๖พันล้านยูโรช่วงปี๒๐๑๕ถึงปี๒๐๑๖ให้แก่ยูเครน

 คว่ำบาตรมิใช่มาตรการแก้ไขวิกฤต

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ยูเครนกำลังเผชิญกับสถานการณ์ความไม่สงบที่น่ากังวลที่สุดนับตั้งแต่เกิดการปะทะมาจนถึงปัจจุบันเพราะทุกฝ่ายไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงมินสก์ที่มีผลบังคับใช้เมื่อปลายปี๒๐๑๔ซึ่งถือว่าเป็นความหวังเดียวเพื่อกอบกู้สันติภาพ

จนถึงปัจจุบัน วิกฤตการเมืองในยูเครนทำให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตกว่า๕พันคนและอีกนับล้านคนต้องทิ้งบ้านเรือนอพยพลี้ภัย เศรษฐกิจซบเซา ค่าเงินอ่อนตัวลงครึ่งหนึ่ง เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นร้อยละ๒๕ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีลดลงร้อยละ๗ ทั้งรัฐบาลและกลุ่มต่อต้านในภาคตะวันออกยูเครนไม่สามารถทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้เพราะถูกครอบงำจากปัจจัยภายนอก มาตรการคว่ำบาตรใหม่ของสหรัฐและประเทศตะวันตกต่อรัสเซียอาจจะไม่ช่วยแก้ไขวิกฤตในยูเครน ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครนจะเพิ่มขึ้นต่อไปจนไม่อาจคาดเดาได้./.

Komentar